สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 13 ก.ย. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงใหม่ (98 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.อุบลราชธานี (103 มม.) ภาคกลาง : จ.สิงห์บุรี (68 มม.) ภาคตะวันออก : จ.สระแก้ว (94 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ราชบุรี (84 มม.) ภาคใต้ : จ.นครศรีธรรมราช (82 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 14–16 ก.ย. 68 ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะเริ่มมีฝนลดลง ในขณะที่ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 74% ของความจุเก็บกัก (59,827 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 62% (35,708 ล้าน ลบ.ม.)
3. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (12 ก.ย. 68) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานในพิธีเปิด
การประชุมปฐมนิเทศโครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคม ในพื้นที่ 8 จังหวัดริมน้ำโขง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พร้อมด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประธานเครือข่ายและตัวแทนภาคประชาชนจังหวัดริมแม่น้ำโขง คณะอาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เข้าร่วม ณ โรงแรมพักพิงอิงโขง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม
แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำนานาชาติที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรธรรมชาติและการเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำในแม่น้ำโขง รวมทั้งแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในแม่น้ำโขงสายประธานและการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศในลุ่มน้ำสาขาของแม่น้ำโขง นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อระดับน้ำและการไหลของน้ำในแม่น้ำโขง ทั้งในช่วงฤดูฝนเกิดปัญหาน้ำท่วมกัดเซาะชายฝั่งและตลิ่งมากขึ้น และในช่วงฤดูแล้งเกิดปัญหาภัยแล้งที่ทวีความรุนแรงและยาวนานมากขึ้นด้วย โดยแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านประเทศไทยมีความยาวกว่า 800 กม. ผ่าน 8 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ที่ผ่านมา สทนช. ได้เดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับชาวบ้านริมแม่น้ำโขงได้รับทราบถึงผลกระทบดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการฯ จัดขึ้นเพื่อมุ่งเสริมสร้างศักยภาพและความรู้ความเข้าใจของภาคประชาสังคมในด้านการจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม โดยใช้แนวทางการแก้ปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติ (Nature-based Solutions: NbS) และการปรับตัวโดยอาศัยระบบนิเวศ (Ecosystem-based Adaptation: EbA) ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ว่าสามารถลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเพิ่มความยั่งยืนในการจัดการทรัพยากรของชุมชน มีพื้นที่ดำเนินโครงการครอบคลุมทั้ง 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พึ่งพาและใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิต จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันในการกำหนดแนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
4. สถานการณ์น้ำ : สถานการณ์น้ำเจ้าพระยา วันที่ 13 ก.ค. 68 เวลา 06.00 น.
-สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน2,233 ลบ.ม./วินาที
-สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,000 ลบ.ม./วินาที
ทั้งนี้ กรมชลประทานจะปรับเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,000 – 2,500 ลบ.ม./วินาที พร้อมทั้งบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง ตามศักยภาพของคลอง เพื่อลดผลกระทบท้ายน้ำให้ได้มากที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 11 ก.ย. 68