สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 4 ก.ย. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงใหม่ (96 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.นครราชสีมา (76 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ราชบุรี (76 มม.) ภาคกลาง : จ.พระนครศรีอยุธยา (62 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ตราด (84 มม.) ภาคใต้ : จ.ภูเก็ต (108 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดระนอง จันทบุรี และตราด
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 50–06 ก.ย. 680บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 70% ของความจุเก็บกัก (56,690 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 55% (32,571 ล้าน ลบ.ม.)
3.ข่าวประชาสัมพันธ์ : นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) มีความห่วงใยสถานการณ์น้ำในหลายลุ่มน้ำที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของ “พายุหนองฟ้า” และร่องมรสุมพาดผ่าน โดยเฉพาะในลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำยม และลุ่มน้ำน่าน
สำหรับลุ่มน้ำป่าสัก ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ทำให้เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของประชาชนบริเวณ อ.หล่มเก่า น้ำหนาว หล่มสัก เมืองเพชรบูรณ์ และหนองไผ่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งอพยพผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางไปยังที่ปลอดภัย และขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง โดยปัจจุบันระดับน้ำลดต่ำกว่าตลิ่ง และมวลน้ำทั้งหมดจะไหลลงสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งคาดว่าในอีก 7 วันข้างหน้า ปริมาณน้ำในเขื่อนจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 45 หรือเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)
ลุ่มน้ำน่าน ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนสิริกิติ์ ส่งผลให้แม่น้ำน่านบริเวณตัวเมือง จ.พิษณุโลก มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นโดยปัจจุบันใกล้จะล้นตลิ่ง ในส่วนของเขื่อนสิริกิติ์แม้จะปรับลดการระบายน้ำเป็นกรณีเร่งด่วน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา จาก 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวันเป็น 25 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพื่อหน่วงน้ำตอนบนช่วยลดผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ แต่เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนยังมีมากถึงร้อยละ 86 จึงจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดจนถึง 40 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ในช่วงวันที่ 5 – 7 กันยายนนี้ เพื่อรักษาความปลอดภัยของเขื่อนและเตรียมพื้นที่รองรับน้ำในห้วงถัดไป โดยหน่วยงานจะพิจารณาปรับเพิ่มและลดการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ลุ่มน้ำยม ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่มอกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 104 ซึ่งเกินระดับกักเก็บและมีน้ำล้นผ่านทางระบายน้ำล้น (Spillway) ในระดับ 0.35 เมตร ทำให้ระดับน้ำในลุ่มน้ำเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ลำน้ำแม่มอกยังคงมีศักยภาพเพียงพอในการรองรับปริมาณน้ำดังกล่าวได้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ใช้ศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ร่วมกับศูนย์ส่วนหน้าฯ ลุ่มน้ำยม – น่าน บริหารจัดการมวลน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว ช่วยบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด
4.การให้ความช่วยเหลือ: กองทัพบก เร่งเสริมแนวกระสอบทรายและซ่อมแซมบิ๊กแบ็ค บริเวณชุมชนวัดทับมิ่งขวัญ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย เพื่อป้องกันน้ำล้นตลิ่งและซ่อมแซมแนวบิ๊กแบ็คที่เสียหาย เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์แม่น้ำเลยในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองเลย พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำเครื่องจักรเครื่องมือพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ สนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยจากพายุหนองฟ้า ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการต้องทำงานบนพื้นฐานของความปลอดภัยและหากพื้นที่ใดเกิดสถานการณ์ให้เข้าช่วยเหลือทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 3 ก.ย. 68