สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 11 ส.ค. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ จ.น่าน (70 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.บุรีรัมย์ (93 มม.) ภาคตะวันตก : จ.เพชรบุรี (23 มม.) ภาคกลาง : จ.สระบุรี (57 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (70 มม.) ภาคใต้ : จ.นครศรีธรรมราช (84 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางแห่ง
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 12 – 16 ส.ค. 68”ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 65% ของความจุเก็บกัก (52,330 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 49% (28,211 ล้าน ลบ.ม.)
3. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (10 ส.ค. 68).ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ครั้งที่ 2/2568 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ศาลากลางจังหวัดน่าน อ.เมืองน่าน จ.น่าน และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยที่เป็นจุดฟันหลอและคันกั้นน้ำ บริเวณชุมชนบ้านหัวเวียง อ.เมืองน่าน บริเวณ อบต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จุดคันดินขาด ต.ไหล่น่าน และพื้นที่ลุ่มต่ำ ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน ซึ่งได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่ผ่านมา โดยสาระสำคัญในการประชุมมีดังนี้
1.การคาดการณ์ฝน คาดว่าจะมีฝนตกหนักในช่วงกลางเดือน ส.ค. 68 ซึ่งจะเกิดร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้นและเกิดฝนตกหนักบางพื้นที่ในภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำของวันที่ 10 ส.ค. 68 ครอบคลุมประมาณ 60% ของพื้นที่ จ.เชียงราย น่าน และพะเยา จากนั้นฝนจะตกหนักขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.68 เป็นต้นไป ครอบคลุมประมาณ 80% ของพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ จ.อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก พิจิตร เพชรบูรณ์ และกำแพงเพชร ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย น้ำหลาก และดินโคลนถล่มได้ ด้วยความห่วงใยของ รองนายกฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) จึงได้สั่งการให้ สทนช. ลงพื้นที่ จ.น่าน เพื่อเร่งประชุมคณะทำงานอำนวยการน้ำฯ ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ร่วมหารือแนวทางเชิงป้องกันและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ รวมถึงติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามข้อสั่งการ ในคราวที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 68 ด้วย
2.การติดตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี ปัจจุบัน สทนช. ร่วมกับกรมชลประทาน (ชป.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พิจารณาปรับแผนการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน พร้อมเร่งระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ส.ค. 68 ซึ่งเป็นช่วงที่ปริมาณฝนในพื้นที่ลดลง เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับปริมาณฝนในช่วงถัดไป ปัจจุบันเขื่อนสิริกิติ์มีอัตราการระบายน้ำ55 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และพบว่าอัตราการระบายน้ำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำบางส่วนใน จ.อุตรดิตถ์ จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจความเสียหายอย่างละเอียด หากพบว่ามีผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนหรือพื้นที่การเกษตรในวงกว้าง จะพิจารณาลดอัตราการระบายน้ำและวางแผนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป ด้าน ชป. ได้ดำเนินการเสริมคันป้องกันน้ำชั่วคราวในจุดที่เปราะบาง รวมถึงบูรณาการหน่วยงานและจังหวัดติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากจุดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ของประชาชนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
3.การเตรียมพื้นที่หน่วงน้ำตามโครงการ “บางระกำโมเดล” ปัจจุบันเก็บเกี่ยวไปแล้ว 76% คาดว่าจะเก็บเกี่ยวเสร็จตามแผน ในวันที่ 15 ส.ค. 68 และจะสามารถใช้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำได้อีกประมาณ 400 ล้าน ลบ.ม. โดย สทนช. จะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลคาดการณ์ปริมาณฝน พร้อมประเมินวิเคราะห์ปริมาณน้ำท่า เพื่อใช้ประกอบการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้เตรียมรับมือได้ทันต่อสถานการณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 9 ส.ค. 68