สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 13 มิ.ย. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.แพร่ (178 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.บุมุกดาหาร (153 มม.) ภาคกลาง : กรุงเทพมหานคร (74 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (96 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ประจวบคีรีขันธ์ (45 มม.) ภาคใต้ : จ.ชุมพร (89 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางพื้นที่
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 14 – 18 มิ.ย. 68 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยจะยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง
พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 13 – 14 มิ.ย. 68 โดยพายุนี้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 56% ของความจุเก็บกัก (45,115 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 36% (20,998 ล้าน ลบ.ม.)
สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเน้นการลดความเสี่ยงจากอุทกภัยและเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน และจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและทันท่วงที
3. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (12 มิ.ย. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ และถ่ายทอดสัญญาณไปยังส่วนภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ณ ฮอไรซั่น วิลเลจ แอนด์ รีสอร์ท จ.เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น และภาคใต้ ณ โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า จ.สุราษฎร์ธานี
รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้แก่คณะกรรมการลุ่มน้ำ เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้
1. ขับเคลื่อนภารกิจงานลุ่มน้ำด้วยข้อมูลและบริบทของพื้นที่ โดยวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยการใช้ข้อมูลจากพื้นที่จริง เพื่อกำหนดเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่ตอบโจทย์พื้นที่อย่างแท้จริง
2. ยกระดับข้อเสนอจากลุ่มน้ำสู่แผนระดับประเทศ ที่จะเสนอผ่าน กนช. ซึ่งเป็นกลไกหลักในการกำหนดทิศทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ โดยรวบรวมข้อเสนอที่สำคัญ นำเสนออย่างเป็นระบบ มีเอกสารประกอบและเหตุผลเชิงประจักษ์
3. เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง ทั้งระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชนและภาคเอกชน ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อเสนอแนะ และกำหนดแผนงานให้โปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำระดับลุ่มน้ำได้อย่างยั่งยืน
4. ผลักดันแนวทางการจัดการภัยพิบัติด้านน้ำเชิงรุก ให้เป็นไปตามแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม และแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำแล้ง เพื่อเป็นการป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที พร้อมทบทวนแผนให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในปี 2568 ที่มีแนวโน้มของปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ขอให้คณะกรรมการลุ่มน้ำดำเนินการร่วมกับ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันภัยด้านน้ำให้มีประสิทธิภาพ ช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน
5. เสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายลุ่มน้ำ โดยการสร้างความเข้มแข็ง ส่งเสริมและรณรงค์การสร้างจิตสำนึกให้แก่ประชาชนและองค์กรผู้ใช้น้ำ ได้มีความตระหนักรู้และเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ทั้งการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คณะกรรมการลุ่มน้ำ เป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับลุ่มน้ำ โดยจะเชื่อมโยงการดำเนินงานกับ กนช. เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภาพรวมของประเทศให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 นโยบายของรัฐบาล และยุทธศาสตร์ชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 12 มิ.ย. 68