“พิชัย“ ดึงแบงก์รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับธนาคารเฉพาะกิจ 7 แห่ง เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เป็นต้น โดยขอให้ธนาคารเฉพาะกิจรัฐทั้ง 6 แห่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจส่งออกและซัพพลายเชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายตอบโต้ภาษีของสหรัฐอเมริกา
ขณะนี้ คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีทรัมป์ ไม่มากไปกว่าประเทศอื่น ในทางกลับกัน ถ้าสามารถทำได้ดี ก็คาดว่า ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ในระยะยาว อย่างไรก็ดี ผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะสั้น หรือจากนี้ไปอีก 2 ปี จะทำให้เศรษฐกิจสะดุด โดยเฉพาะภาคการส่งออก ดังนั้น กล่มธุรกิจนี้ จึงเป็นเป้าหมายที่เราต้องเข้าไปดูแล
โดยสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง อยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการตามนโยบายผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการสินเชื่อซอฟท์โลน (สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ) วงเงิน 100,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสิน กำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขแตกต่างจากสินเชื่อซอฟท์โลนโครงการอื่น เนื่องจากมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการชัดเจน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ธุรกิจส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ 2.ธุรกิจซัพพลายเชน และ 3.ธุรกิจผู้ผลิตสินค้าที่ต้องมีการแข่งขันสูงกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ ตลอดจนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในภาพรวม
นอกจากนี้ เรายังต้องมีมาตรการเข้าไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ได้รับกระทบในวงกว้างด้วย โดยเฉพาะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งธนาคารเฉพาะกิจควรเข้าไปช่วยเรื่องการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการและรวมถึงผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีรายย่อย ธุรกิจท่องเที่ยว และ รวมถึงเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าจีนด้วย
”เราต้องเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ที่ผ่านมา การปล่อยสินเชื่ออยู่ในระดับคงที่และน้อยลง แปลว่า เศรษฐกิจชะลอตัว สถาบันการเงินเองขาดความมั่นใจ แต่ในส่วนแบงก์รัฐยังทำหน้าที่ได้ แปลว่า แบงก์รัฐตอบสนองต่อนโยบายทั้งเรื่องการปล่อยสินเชื่อและการช่วยเหลือลูกหนี้“
ทั้งนี้ ล่าสุดหนี้ครัวเรือนได้ลดลงจาก 91% ต่อจีดีพีในปีที่แล้ว เหลือ 86% ต่อจีดีพี แต่จำนวนหนี้ไม่ได้ลดลง หมายความว่า จีดีพีหรือตัวหารเราขยายตัวมากขึ้น อย่างไรก็ดี รัฐบาลก็จะเร่งแก้ไขหนี้เสียให้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มหนี้รายย่อยที่มีมูลหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “พิชัย” เผย จีดีพีไทยทรุด 1% ภาษีทรัมป์แผลงฤทธิ์