สรุปข่าวประจำวันที่ 6 มีนาคม 2568

สรุปข่าวประจำวัน จับตาที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ : ในวันนี้ 6 มี.ค. มีการพิจารณาเรื่องใหญ่ คือคดีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ที่มีการกล่าวหาว่ามีกระบวนการฮั้ว นำไปสู่ข้อกล่าวหาร้ายแรงว่าอั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน
สรุปข่าวประจำวัน
เรื่องดังกล่าวได้เลื่อนการประชุมมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. ว่ากันว่าเป็นการเลื่อน เพื่อให้เวลาในการลอบบี้ เพื่อที่จะรับหรือไม่รับ คดีนี้เป็นคดีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทักษิณ ชินวัตร และ เนวิน ชิดชอบ ได้มีการพบเพื่อพูดคุยกันแล้ว
นั่นเป็นสัญญาณว่า ในการประชุมพรุ่งนี้ ที่ประชุมอาจมีมติเลื่อน หรือไม่ก็ไม่รับคดีนี้ เป็นคดีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูต่อไปว่าเรื่องนี้ จะลงเอยอย่างไร
คุก บุญยิ่ง -กำนันตุ้ย :
ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค 1 ได้อ่านคำพิพากษา นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี เขต 2 พรรคกล้าธรรม (ก่อนหน้านี้สังกัดพรรคพลังประชารัฐ) และนายวิวัฒน์ นิติกาญจนา หรือ “กำนันตุ้ย” นายก อบจ.ราชบุรี สามีนางบุญยิ่ง จำคุก 6 ปี 8 เดือน คดีถูกกล่าวหาว่าทุจริตในการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ตามโครงการแทรกแซงตลาด มันสำปะหลังปี 2551/2552 ครั้งที่ 9 เพื่อใช้ภายในประเทศ
ศาลสั่งห้ามกฎหมายทรงผม นร. :
ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ ฟร. 24/2563 เพิกถอนกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.25618) ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ซึ่งเป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนที่ไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียน ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า กฎกระทรวงกำหนดว่า การแต่งกาย และความประพฤติดังต่อไปนี้ ถือว่าไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียน
หุ้น ตปท.-ไทย :
ปิดตลาด (5 มี.ค. ) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 43,006.59 จุด เพิ่มขึ้น 485.60 จุด (1.14%) แนสแดก ปิดที่ 20,628.46 จุด เพิ่มขึ้น 275.94 จุด (1.36%) แอสแอนด์พี ปิดที่ 20,628.46 จุด เพิ่มขึ้น 275.94 จุด (1.36%) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาดที่ 1,206.96 จุด เพิ่มขึ้น 29.32 (2.49%) มูลค่า 50,778.04 ล้านบาท

ทองคำลง 150 บาท :
ราคาทองคำเมื่อวันที่ (5 มี.ค.) มีประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 46,400.00 บาท ขายออกบาทละ 46,500.00 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 45,570.96 บาท ขายออกบาทละ 47,300.00 ราคาทองคำลง 150 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 4 มี.ค.
เงินบาทแข็งค่าขึ้น :
สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (5 ก.พ.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 33.8788 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 43.5256 บาทต่อ 1 ปอนด์, 36.0950 บาทต่อ 1 ยูโร, 22.8630 ต่อ 100 เยน, 4.3740 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 25.5347 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.6961 ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
ธ.ก.ส. ลดดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี :
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลดลง 0.15% ต่อปี จาก 6.875% ต่อปี มาอยู่ที่ 6.725% ต่อปี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรลูกค้ารายย่อย ธ.ก.ส. และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) ลดลง 0.25% ต่อปี จาก 6.875% ต่อปี มาอยู่ที่ 6.625% ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป

เอสเอ็มอีแบงก์มาแล้ว :
SME D Bank หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ ขานรับนโยบายรัฐบาล ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป ช่วยลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อีกทั้ง ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อประโยชน์ของผู้ฝาก พร้อมเสิร์ฟ Soft Loan ดอกเบี้ยต่ำเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก สนับสนุนยกระดับเพิ่มศักยภาพ ธุรกิจอยู่รอดและเดินหน้าได้ต่อเนื่อง

บสย. ลดดอกเบี้ย :
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า ภายหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.00% ต่อปีนั้น ล่าสุด บสย. ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ลง 0.15% ต่อปี คงเหลือ 5.90% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ต่อเนื่อง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 68 เป็นต้นไป
ปภ.เตือน 62 จว. :
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 62 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 6 – 8 มี.ค. 2568 ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกล้มทับ รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย

โปรดอย่าถาม :
วันก่อน เจอหน้า “คุณน้องกร-สิทธิกร ดิเรกสุนทร” เอ็มดีหนุ่ม บสย.อายุไม่ถึง 50 ถามว่า ไปนั่งทำงานที่ เอ็กซิมแบงก์ต่อ จาก “ดร.รักษ์” ไหม “คุณน้อง” ตอบทันทีว่า ไม่ครับ ตอนนี้ งาน บสย.กำลังไปได้สวย งานที่เดิน…อยู่แล้ว ไม่ได้ติดขัดอะไร ส่วนของใหม่ ก็หารือกับ ธปท.อย่างใกล้ชิด ในการจัดตั้ง NaCGA หรือสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ คาดว่า จะใช้เวลาวางรูปแบบ และเนรมิต พร้อมเสร็จจริงๆ ในอีก 6 เดือนข้างหน้า หรือประมาณเดือนก.ย.68 รับปากคนแบงก์ชาติเอาไว้แบบนี้ ตำแหน่ง เอ็มดีเอ็กซิมแบงก์ ก็อยากไป แต่งานที่นี่ ไม่เสร็จ ก็จนปัญญา
ถามอีก!! สิ้นปีนี้ “พี่ต้น-กมลภพ วีระพละ” เอ็มดี ธอส.ครบวาระ อายุเกิน 60 ปี จะได้ไปต่อหรือไม่ พี่เขา หัวเราะ 555 และ 555 อีกหลายครั้ง สรุป นั่งเอ็มดี ธอส.ดีกว่า เอ็มซิมแบงก์ เยอะนะ!!

โดนขนาดนี้ ก็ไม่เป็นไร :
“อ๊อฟ-เผ่าภูมิ โรจนสกุล” ช่วงนี้ กินน้ำไม่ได้เลยครับ กินเมื่อใด น้ำนี่ ไหลออกจากตัวทุกทิศ ทุกทาง เพราะดันไปพูดเรื่องลงทุนในตลาดหุ้น ทำนอง คนขายคือ คนโง่ คนไม่ขายคือ คนฉลาด ประมาณนั้น เช้าวันนี้ หนังสือพิมพ์ เว็บ วิทยุ ทีวี (รายการหมาแก่กะแมวสาว) กระชวกหนัก โค้ชคำพูด รมช.คลัง สุดหล่อ
“คนที่ฉลาดจะมองพื้นฐานทางเศรษฐกิจและจะมองสิ่งนี้เป็นโอกาส ส่วนคนที่ไม่ฉลาดจะตื่นเต้นและไม่เห็นโอกาสในสิ่งนี้” วันนี้(5 มี.ค.) หลังเที่ยง “ท่านอ๊อฟ” เจอหน้านักข่าว ยังไม่ทันมีใครแซว แซวตัวเองว่า “วันนี้ ตัวพรุน” ย้ำอีกครั้ง เพราะพูดหลายรอบ “วันนี้ ตัวพรุน” ไม่กล้ากินน้ำ ก็วันนี้ แหละน้องเอ่ย!!
เงินปันผลทั่วโลกแตะระดับสูงสุด :
เจนัส เฮนเดอร์สัน (Janus Henderson) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกของอังกฤษ-สหรัฐฯ เปิดเผยรายงานในวานนี้ (5 มี.ค.) บ่งชี้ว่า เงินปันผลทั่วโลกคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดที่ 1.75 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 เพิ่มขึ้น 6.6% โดยได้รับแรงหนุนหลักจากหุ้นกลุ่มการเงิน เจนัส เฮนเดอร์สัน ซึ่งเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลทั่วโลกทุกไตรมาสอธิบายว่า จำนวนเงินปันผลที่จ่ายออกมาสูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.73 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีการเติบโตที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐฯ และญี่ปุ่นในไตรมาส 4 จากการศึกษาพบว่า 88% ของบริษัทได้เพิ่มหรือคงเงินปันผลในปี 2567 และ 17 จาก 49 ประเทศในดัชนีเงินปันผลโลก (Global Dividend Index) รายงานการจ่ายเงินปันผลสูงสุดเป็นประวัติการณ์
“ทรัมป์” หมายหัวเกาหลีใต้ :
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ชี้ว่า เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีภาษีศุลกากรไม่ยุติธรรมกับสินค้าสหรัฐฯ ยิ่งกว่าจีน ขณะที่วิพากษ์วิจารณ์การมอบเงินอุดหนุนแก่ผู้ผลิตชิปต่างชาติอย่าง ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) โดย ทรัมป์กล่าวในการแถลงต่อที่ประชุมร่วมวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่า “จีนเก็บภาษีจากสินค้าของเราเฉลี่ยมากกว่าสองเท่าของที่เราเรียกเก็บจากพวกเขา ขณะที่ภาษีศุลกากรของเกาหลีใต้สูงกว่าถึงสี่เท่า ลองคิดดู สูงกว่าสี่เท่า และเราให้ความช่วยเหลือด้านการทหารและด้านอื่น ๆ ในเกาหลีใต้ แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น นี่เกิดจากมิตรไม่ใช่ศัตรู”

จีนส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจ :
รัฐบาลจีนเปิดเผยมาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพิ่มเติม โดยให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความพยายามในการสนับสนุนการบริโภคและลดผลกระทบของสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ที่จะมีต่อเศรษฐกิจจีน หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) โดยเตือนว่า “สภาพแวดล้อมในต่างประเทศที่มีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อจีนในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี” ทั้งนี้ นายหลี่ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการลดช่องว่างระหว่างอุปสงค์และอุปทาน และดำเนินการปฏิรูปการคลังที่มีจะช่วยปรับปรุงรายได้ของรัฐบาลท้องถิ่นและกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน
เมินดราม่า :
หลังจากที่นักร้องลูกทุ่งสาวแซ่บ ลำไย ไหทองคำ เจอดราม่าร้อนหลังโพสต์ประกาศโสด และบอกว่าสาเหตุที่เลิกกับนักร้องหนุ่ม ปุ้ย L.กฮ. ไม่มีเรื่องมือที่ 3 แต่อย่างใด และมีคนขุดประเด็นเรื่อง บอส เอวหวาน แดนเซอร์หนุ่ม เคยคุยกับลำไยในช่วงที่ ลำไย-ปุ้ย ตกลงว่าจะขอลองแยกกันไปใช้ชีวิตและคุยกับคนอื่น ล่าสุดค่ายเพลงไหทองคำ เรคคอร์ด ก็พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลง “ลองดูสิเออ” ผลงานเพลงล่าสุดของลำไย ตามคำสัญญาของ นายห้างประจักษ์ชัย ไหทองคำ บิ๊กบอสค่ายฯ ที่บอกในไลฟ์ว่าจะปล่อยเพลงนี้ ซึ่งในเวลานี้มียอดวิวกว่า 3.6 แสนวิวแล้ว
ลิลลี่ ซัดกลับ ถูกบูลลี่ :
เรียกว่าอัดอั้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับนักร้องสาว ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น หลังจากที่เพิ่งจะตัดสินใจขึ้นเขียงศัลยกรรม เพิ่มความสวยด้วยการทำจมูกใหม่ ที่เพิ่งผ่านมาได้เพียงแค่อาทิตย์กว่าๆ เท่านั้น แต่ก็ยังไม่วายโดยชาวเน็ตเข้ามาบูลลี่ถึงเรื่องความสวย ไม่ว่าจะเป็น “ทำจมูกมาแล้วไม่เห็นสวยเลย”, “ทำจมูกแล้วควรไปเพิ่มส่วนสูงอีกนะ” เป็นต้น งานนี้ ลิลลี่ เลยขออัดคลิปพูดภาษาใต้ตอบกลับ โดยมีเนื้อหาใจความประมาณว่า “คุณคะ ฟังฉันก่อนนะ อันดับแรกเลยทำจมูกมาแล้วต้องไปเพิ่มส่วนสูง คุณคิดดูนะ คุณคิดตามฉันนะ แม่ฉันสูงแค่นี้ พ่อฉันสูงแค่นี้ แล้วพ่อกับแม่ฉันไม่ได้เป็นคนสูงมากนะ แล้วคุณจะให้เอาความสูงมาจากไหนจะให้ฉัน” “เราก็ต้องทำในสิ่งที่เรามั่นใจถูกมั้ย ดูสิ ดูสิ ดูสิ เอาแบบนี้นะให้สวยเฉพาะคุณพอจ้าาา”
เร่งดำเนินการ :
กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้ประชุมติดตามการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เรื่องเร่งรัดเบิกจ่ายงบกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในการเก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬา เพื่อแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33

ไทยพร้อมจัด 2 ศึกใหญ่ :
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวปาฐกถาในงาน “Amazing Thailand Networking Event” ซึ่งจัดขึ้นภายในงาน ITB Berlin 2025 โดยประกาศความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกสองรายการใหญ่ ได้แก่ FIVB Women’s Volleyball World Championship 2025 และ SEA Games 2025
ซ้อมต่อเนื่อง :
ไตรกีฬาไทย ตั้งเป้าหมายคว้า 4 เหรียญทองซีเกมส์ 2025 วางคิวฝึกซ้อมต่อเนื่อง โดย 1 เดือนสุดท้ายก่อนแข่งลงสนามจริง หาดแหลมแม่พิมพ์ จ.ระยอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : คลังไฟเขียว บสย.ค้ำประกันรถกระบะ