คลังวุ่นแก้สัญญา “แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ” หมดอายุ
ธพส.เล็งตั้งที่ปรึกษาโครงการ เพื่อประเมินด้านการเงินและการลงทุนของโรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ให้ได้ข้อสรุปใน 4 เดือน หลังจากโครงการนี้ สัญญาเช่าหมดอายุ 3 ปีที่แล้ว
นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) เปิดเผยว่า ธพส.จะว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเข้ามาทำหน้าที่ในการศึกษาแนวทางการพัฒนาโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้มีมติให้ธพส.เข้าไปเป็นผู้บริหารกิจการแทนบริษัทสหการโรงแรมและการท่องเที่ยว จำกัด เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สหการโรงแรมฯ เป็นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้น 100% โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้ร่วมหารือกับผู้บริหารสหการโรงแรมฯ ในฐานะที่เป็นเจ้าของที่ดินและผู้ถือหุ้นในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ดังกล่าว โดยได้ข้อสรุปในเรื่องของการจัดตั้งที่ปรึกษาการเงินดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ทางสหการโรงแรมฯ ต้องไปหารือกับผู้ถือหุ้นรายแรกของโรงแรมดังกล่าวว่า จะต้องการเข้ามาร่วมทุนใหม่หรือไม่อย่างไร โดยขอให้ทางผู้ถือหุ้นรายแรกเสนอเงื่อนไขการร่วมทุนมาให้ ธพส.พิจารณา เพื่อกำหนดโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ ซึ่ง ธพส.เองก็ต้องการที่จะให้เอกชนเข้ามาร่วมทุนในกิจการ เพื่อร่วมพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ให้เกิดมูลค่าสูงสุด
“ที่ปรึกษาทางการเงินที่จะตั้งขึ้นมานั้น ต้องศึกษาถึงแนวทางการบริหารจัดการที่ดินและทรัพย์สินที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เช่าอยู่ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด การประเมินมูลค่าที่ดิน เพื่อนำมาสู่การประ เมินสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐในโรงแรมดังกล่าวต่อไป และรวมถึง ศึกษาว่า ควรที่จะให้สหการโรงแรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ ธพส.แทนที่จะจัดตั้งเป็นบริษัทลูกของ ธพส.ด้วย”
ทั้งนี้ สหการโรงแรมฯ ได้ถือครองที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพจำนวน 9 ไร่ 3 งาน 98.5 ตารางวา และมีสัดส่วนการถือหุ้นราว 1 ใน 3 ในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณฯ โดยสหการโรงแรมได้ให้โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณฯ เช่าที่ดินเป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากปี 2534 ซึ่งสิ้นสุดระยะเวลาการเช่าตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งได้สิ้นสัญญาเช่ามานานกว่า 3 ปีแล้ว และปัจจุบันใช้สัญญาเช่าในลักษณะปีต่อปี โดย ธพส.เห็นว่า สัญญาเช่าในลักษณะปีต่อปีนั้น ควรนับรวมเป็นสัญญาเช่ากรณีที่จะให้โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ได้ต่ออายุสัญญาการเช่าที่ดินในระยะต่อไปด้วย
ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ระบุว่า เมื่อสิ้นสุดสัญญาการเช่าที่ดินดังกล่าวแล้ว ทางสคร.และ คนร.เห็นว่า การบริหารสัญญาเช่าและอาคารของโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอรา วัณดังกล่าวควรก่อให้เกิดความคุ้มค่ามากกว่าปัจจุบัน ขณะที่ ศักยภาพของสหการโรงแรมฯต่อการบริหารสัญญาเช่านับหมื่นล้านบาท จะต้องมีเพียงพอ ดังนั้น คนร.จึงมอบหมายให้สหการโรงแรมฯเข้าไปควบรวมหรือตั้งเป็นบริษัทลูกในธพส.เพื่อให้ธพส.ซึ่งมีศักยภาพในการบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาบริหารสัญญาเช่าโรงแรมดังกล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผลประโยชน์ที่รัฐได้จากการให้เช่าที่ดินและร่วมบริหารโรงแรมไฮแอท เอราวัณฯ อยู่ที่ประ มาณ 1,000 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น ซึ่งเห็นว่า เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าดังกล่าวแล้ว การบริหารทรัพย์สินดังกล่าว ควรที่จะมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาที่ดินบริเวณดังกล่าวจะต้องมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามราคาตลาด
ปัจจุบัน สัดส่วนการถือหุ้นในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย สหการโรงแรม 1 ส่วน อีกสองส่วนเป็นของภาคเอกชนและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยภายหลังสิ้นสุดสัญญาเช่าดังกล่าวแล้ว หาก ธพส.จะเข้ามาบริหารจัดการทรัพย์สินดังกล่าวใหม่ จะต้องให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นรายแรกพิจารณาว่า จะลงทุนรักษาสัดส่วนการถือหุ้นหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ธพส.ใช้งบ 160 ล้านบาท รีโนเวทศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่