สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 18 ต.ค. 66
สภาพอากาศวันนี้ : จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองโดยภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง คาดการณ์: ในช่วงวันที่ 20-23 ต.ค. 66 ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ปริมาณน้ำรวมทั้งประเทศ ณ วันที่ 17 ต.ค. 66 น้อยกว่าปี 2565 จำนวน 6,841 ล้าน ลบ.ม. สรุปได้ดังนี้
ปริมาณน้ำทั้งประเทศ 60,960 ล้าน ลบ.ม. (74%)
ปริมาณน้ำใช้การ 36,790 ล้าน ลบ.ม. (63%)
เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่
เฝ้าระวังน้ำมาก 10 แห่ง ภาคเหนือ : แม่งัดสมบูรณ์ชล กิ่วลม แม่มอก และแควน้อยบำรุงแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ห้วยหลวง ลำปาว หนองหาร น้ำพุง และอุบลรัตน์ ภาคตะวันออก : ขุนด่านปราการชล
ขอให้หน่วยงานพิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดบริเวณท้ายเขื่อน และคำนึงถึงการเก็บกักน้ำสำหรับฤดูแล้งนี้ด้วย
เฝ้าระวังน้ำน้อย 4 แห่ง ภาคเหนือ: สิริกิติ์ และทับเสลา ภาคตะวันออก : คลองสียัด ภาคตะวันตก: ปราณบุรี
โดยขอให้หน่วยงานดำเนินการ 1. วางแผนการระบายน้ำโดยจัดลำดับความสำคัญตามที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด 2. ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรและขอความร่วมมือให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง และ 3. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยการใช้น้ำภาคการเกษตรให้ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืช เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำและเพิ่มรายได้ในพื้นที่
พื้นที่ชุมชน รวม 4 จังหวัด 19 อำเภอ 83 ตำบล 486 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,714 ครัวเรือน ดังนี้
ภาคเหนือ จ.พิษณุโลก ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง จ.ร้อยเอ็ด ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
พื้นที่เกษตรกรรม รวม 20 จังหวัด 478,847 ไร่ ได้แก่ จ.พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ สระบุรี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี อ่างทอง สุพรรณบุรี กรุงเทพมหานคร หนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด ขอนแก่น กาพสินธุ์ ชัยภูมิ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี และสระแก้ว
สทนช. ประกาศ ฉบับที่ 3/2566 เรื่องเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำที่มีความเสี่ยง และน้ำล้นตลิ่ง ในช่วงวันที่ 12 – 18 ต.ค. 2566 ดังนี้
1. อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่มีปริมาตรน้ำสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำกักเก็บสูงสุด (Upper Rule Curve) จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล กิ่วลม แม่มอก น้ำห้วยหลวง น้ำพุง หนองหาร อุบลรัตน์ ลำปาว และขุนด่านปราการชล อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาตรน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ คาดการณ์ว่าจะมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และมีแนวโน้มปริมาตรน้ำมากกว่าร้อยละ 80
2. พื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
2.1 แม่น้ำยม บริเวณ อ.ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ศรีสำโรง เมืองสุโขทัย และกงไกรลาศ จ.สุโขทัย อ.พรหมพิราม และบางระกำ จ.พิษณุโลก อ.สามง่าม และโพทะเล จ.พิจิตร
2.2 แม่น้ำมูล บริเวณสถานี M.7 อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ +113.00 ถึง +113.50 ม.รทก. สูงกว่าตลิ่ง 1.00–1.50 ม. ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบริเวณ อ.เมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ พิบูลมังสาหาร ดอนมดแดง ตระการพืชผล และม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี
2.3 แม่น้ำยัง บริเวณสถานี E.92 อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด คาดการณ์ว่าในวันที่ 10-11 ต.ค. 66 ระดับน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สูงกว่าตลิ่ง 1.00-1.50 ม. ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบริเวณ อ.เสลภูมิ และโพนทอง จ.ร้อยเอ็ด และลดลงต่ำกว่าตลิ่ง ในวันที่ 13-14 ต.ค. 66
พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในช่วง 1-3 วัน บริเวณ ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช พังงา และระนอง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเตรียมการในการบริหารจัดการน้ำ ปี 2566/2567 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ สทนช. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวน (ร่าง) มาตรการรองรับฤดูแล้งปี 2566/2567 ทั้ง 9 มาตรการ เพื่อให้มาตรการมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ก่อนเสนอ กนช. พิจารณาให้ความเห็นชอบ และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุมได้ติดตามผลการขับเคลื่อนการบริหารศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ปี 2566 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพื้นที่ภาคกลาง รวมทั้งติดตามการดำเนินการตาม 12 มาตรการฤดูฝน ปี 2566 โดยได้กำชับให้มีการบริหารจัดการน้ำในช่วงปลายฤดูฝนส่งต่อสู่ฤดูแล้งอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินงานอย่างเป็นเอกภาพ โดยมีเป้าหมายให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในภาพรวมทั้งประเทศภายใต้สภาวะเอลนีโญ
น้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
น้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน