สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 13 สค. 66
ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง ในภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ฝั่งตะวันออก โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกปานกลางถึงหนักมากบริเวณ จ.พังงา (96) จ.นครราชสีมา (50) จ.เพชรบูรณ์ (49) จ.นครนายก (47) จ.สระบุรี (44) จ.กาญจนบุรี (26)
ปริมาตรแหล่งน้ำทุกขนาด 43,598 ล้าน ลบ.ม. (54%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38,879 ล้าน ลบ.ม. (54%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี กรมทรัพยากรน้ำ ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านมะเกลือ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 30 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ณ บ้านมะเกลือ หมู่ที่ 4 ต.บ้านมะเกลือ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ โดยสูบน้ำจากแม่น้ำปิงเข้าคลองยายหมอนเข้าสู่คลองส่งน้ำผ่านพื้นที่การเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ไม่เพียงพอ พื้นที่นาข้าว ไร่อ้อย มันสำปะหลัง สวนกล้วย ข้าวโพด ฝรั่ง มะนาว มะลิ มะเขือ ผักชี หอม จำนวน 4,310 ไร่ โดยมีประชาชนได้รับประโยชน์ 5 หมู่บ้าน ได้แก่หมู่ที่ 3,4,5,11และ12 จำนวน 560 ครัวเรือน 3,000 คน โดยเริ่มสูบน้ำตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 66
กอนช. ประกาศเฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำเปลี่ยนแปลงในแม่น้ำโขง ฉบับที่ 13/2566 ในช่วงวันที่ 10 – 15 ส.ค. 66 โดย กอนช.ได้คาดการณ์ระดับน้ำจะมีแนวโน้มล้นตลิ่ง ในช่วงวันที่ 11-15 ส.ค. 66 ณ สถานีนครพนม จ.นครพนม ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขงเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าว กอนช. ประกาศ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ฉบับที่ 14/2566 ในช่วงวันที่ 12-18 ส.ค. 66 ดังนี้ภาคเหนือ จ.เชียงราย เชียงใหม่ ตาก และน่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย บึงกาฬ นครพนม และสกลนคร ภาคตะวันออก จ.ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต สตูล และตรัง
สทนช. ได้จัดการประชุมแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ในเขตพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 66 สทนช. ได้จัดการประชุมหารือกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ในเขตพื้นที่ อ.ไพศาลี และ ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ณ ห้องประชุมโครงการ ชลประทานนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ โดยมี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ โครงการชลประทานนครสวรรค์ กรมทรัพยากรน้ำ เข้าร่วม การประชุมเพื่อร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยสรุปได้ ดังนี้
ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและส่งน้ำดิบผ่านระบบท่อ ข้อดี ได้ปริมาณน้ำเพียงพอ และใช้เวลาดำเนินการน้อย ข้อเสีย ต้องประชาคมสร้างการรับรู้
ส่งโดยรถขนส่งน้ำประปาหรือน้ำดิบไประบบประปาหมู่บ้าน ข้อดี ได้น้ำประปามาใช้โดยตรง และลดผลกระทบ 2 ตำบล ข้อเสีย มีค่าใช้จ่ายสูง
เชื่อมต่อท่อจ่ายน้ำหลัก กปภ.ไพศาลี ไปลงถังน้ำใสประปาโดยตรง ข้อดี ได้น้ำประปาใช้โดยตรง ข้อเสีย อาจมีค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำ จาก กปภ. ซึ่งทั้ง 3 แนวทางดังกล่าวจะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาหาแนวทางที่ดีที่สุด และจะจัดประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
สร้างการรับรู้ แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่อการอุปโภค-บริโภค ในเขตพื้นที่ต่อไป
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2566 ดังนี้
ประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ
ตามประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 14/2566 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2566 แจ้งเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ด้วย กอนช. ได้ติดตามสภาพอากาศ พบว่าร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ในช่วงวันที่ 12 – 18 สิงหาคม 2566 มีพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายได้ทัน ดังนี้ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย (อำเภอแม่จัน แม่สาย และแม่ฟ้าหลวง) จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภออมก๋อย) จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง แม่สอด แม่ระมาด และอุ้มผาง) จังหวัดน่าน (อำเภอเมืองน่าน บ่อเกลือ ปัว เชียงกลาง ทุ่งช้าง เฉลิมพระเกียรติ และสองแคว) โดยเฉพาะจังหวัดน่านซึ่งปัจจุบันมีน้ำท่วมขังอยู่ในพื้นที่อำเภอเวียงสา อำเภอท่าวังผา และอำเภอแม่จริม ระดับน้ำ จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย เฝ้าไร่ โพนพิสัย และรัตนวาปี) จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอเมืองบึงกาฬ ปากคาด บุ่งคล้า เซกา ศรีวิไล พรเจริญ โซ่พิสัย และบึงโขงหลง) จังหวัดนครพนม (อำเภอเมืองนครพนม ท่าอุเทน ศรีสงคราม บ้านแพง นาทม และโพนสวรรค์) จังหวัดสกลนคร (อำเภอบ้านม่วง และอากาศอำนวย) ภาคตะวันออก จังหวัดระยอง (อำเภอเขาชะเมา บ้านค่าย แกลง และบ้านฉาง) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี ขลุง เขาคิชฌกูฏ และท่าใหม่) จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด คลองใหญ่ บ่อไร่ แหลมงอบเขาสมิง เกาะกูด และเกาะช้าง) ภาคใต้ จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง กะเปอร์ และกระบุรี) จังหวัดพังงา (อำเภอคุระบุรี และท้ายเหมือง) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง) จังหวัดสตูล (อำเภอละงู) จังหวัดตรัง (อำเภอกันตัง สิเกา และปะเหลียน)
ผลการดำเนินงานตาม 12 มาตรการ รองรับฤดูฝน ปี 2566
2.1 กรมเจ้าท่า ดำเนินการขุดลอก พัฒนา และบำรุงรักษาร่องน้ำทางเรือเดิน เพื่อความสะดวกและปลอดภัย เพิ่มประสิทธิภาพในการเดินเรือ การระบายน้ำ การอุปโภคบริโภค เพิ่มพื้นที่รับน้ำเพื่อใช้ในภาคการเกษตร และลดความรุ่นแรงของกระแสน้ำในช่วงฤดูฝนโดยมีประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการขุดลอก ประมาณ 100 ครัวเรือน พื้นที่
ทางการเกษตร ประมาณ 200 ไร่
2.2 กรมทรัพยากรน้ำ ดำเนินการสำรวจอุทกวิทยาโขงเจียม ส่วนอุทกวิทยา เดินทางไปราชการเพื่อตรวจวัด ปริมาณน้ำและตะกอนแม่น้ำโขง ตามแผนปฏิบัติงานและข้อตกลงร่วม MRCS โดยใช้เครื่องมือวัดระดับกระแสน้ำ แบบ PROPELLE TYPE และเครื่องตักตะกอน ขนาดใหญ่ US-D 96 ที่สถานีโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
2.3 กองทัพบก จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 6 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ เรือท้องแบน จำนวน 1 ลำ พร้อมเครื่องยนต์ เข้าให้การช่วยเหลือเกษตรกร ต.กองนาง ขนย้ายพืชผลทางการเกษตรขึ้นที่สูง เนื่องจากแม่น้ำโขงเอ่อล้น เข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรเป็นบริเวณกว้างประมาณ 3 พันไร่ ซึ่งเป็นผลกระทบจากฝนตกหนักในพื้นที่ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ณ บ.ปากมาง ม.3 ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย