สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 3 พ.ค. 66
ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองส่วนภาคใต้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.สตูล (99 มม.) จ.น่าน (90 มม.) และ จ.กาญจนบุรี (86 มม.)
น้ำใช้การแหล่งน้ำทุกขนาด 21,917 ล้าน ลบ.ม. (38%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 17,766 ล้าน ลบ.ม. (37%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานีกรมชลประทาน ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือและป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำ รวมทั้ง
เพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำสนับสนุนการอุปโภค-บริโภคและการเกษตรทั่วประเทศ ดังนี้
บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขาว ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่านจำนวน 1 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 39,600 ลบ.ม./วัน
บริเวณสถานีสูบน้ำ P4 ต.ธาตุน้อย อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานีจำนวน 2 เครื่อง
เพื่อสูบน้ำช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ อ.เขาสมิง จ.ตราด จำนวน 6 เครื่อง
บริเวณท่าสูบน้ำบ้านท่าหิน หมู่ที่ 5 ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลาจำนวน 1 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 11,000 ลบ.ม./วันสทนช. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้ง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์สทนช. ได้ลงพื้นที่เพื่อประชุมหารือร่วมกับจังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอเขาค้อ พร้อมด้วย ผู้แทนส่วนราชการและท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและผลการดำเนินงานตาม 10 มาตรการรับมือฤดูแล้ง ปี 2565/66 ซึ่ง จ.เพชรบูรณ์ ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ในพื้นที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.66ในเบื้องต้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำระยะไกลเพื่อสูบน้ำจากแม่น้ำเข็กเพื่อเติมให้กับระบบประปาของหมู่บ้าน พร้อมกับเครื่องสูบน้ำขององค์การบริหารส่วนตำบลเข็ก จำนวน 2 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ ขนาด 10,000 ลิตร โดยใช้พื้นที่หมู่ที่ 2 เป็นจุดหลักในการกระจายน้ำไปยังหมู่อื่นๆ และมีสระน้ำที่สูบน้ำจากแม่น้ำเข็กมาพักไว้ เพื่อให้นำรถน้ำมาเติมให้ครอบคลุมพื้นที่ขาดแคลนน้ำ ทั้งนี้ หากปริมาณน้ำในแม่น้ำเข็กลดลง จะมีการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยทรายเหนือ ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ระยะทางการสูบน้ำ 5 กม. มาเติมเพิ่มปริมาณน้ำให้กับแม่น้ำเข็กส่วนแผนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว อบต.เข็กน้อย เตรียมเสนอแผนงาน/โครงการก่อสร้างฝายชะลอน้ำน้ำเข็ก การพัฒนาระบบประปาภูเขา บริเวณหมู่ที่ 1 และการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยอ้อล้อ เพื่อเพิ่มปริมาณเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน รวมทั้งการจัดทำฝายแกนซอยซีเมนต์กั้นแม่น้ำเข็ก เพื่อเก็บกักน้ำเป็นช่วงๆ และยังช่วยสะสมน้ำในชั้นใต้ดินได้อีกด้วย
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 ดังนี้
ผลการดำเนินงานตาม 10 มาตรการ รองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ฤดูแล้ง ปี 2565/66
สทนช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประกาศภัยแล้งในเขตพื้นที่หมู่ที่ 1-7 ต.ท่าเทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี อย่างใกล้ชิด โดยสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากมีฝนตกลงมาเติมในแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่ จึงใช้มาตรการประชาสัมพันธ์แจ้งให้ประชาชนสามารถนำน้ำจากแหล่งน้ำต้นทุนดังกล่าวมาใช้ในการอุปโภคบริโภค พร้อมขอความร่วมมือให้ร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด
สภาพอากาศ
บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
แหล่งน้ำทั่วประเทศ
3.1 แหล่งน้ำทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำใช้การ 21,917 ล้าน ลบ.ม. (38%) แบ่งเป็น แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 17,736 ล้าน ลบ.ม. (37%) ขนาดกลาง 369 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 2,435 ล้าน ลบ.ม. (48%) และขนาดเล็ก 139,903 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 1,746 ล้าน ลบ.ม. (34%)
3.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ)ปริมาณน้ำใช้การ 6,489 ล้าน ลบ.ม. (36%)
ผลการจัดสรรน้ำ (สะสมตั้งแต่ 1 พ.ค. ถึงปัจจุบัน)
4.1 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถจัดสรรน้ำได้มีจำนวน 35 แห่ง มีปริมาณน้ำใช้การทั้งสิ้น 17,665 ล้าน ลบ.ม. (37%) มีแผนการจัดสรรน้ำ 15,701 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำแล้ว 242 ล้าน ลบ.ม. (2%)
4.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีแผนการจัดสรรน้ำ 8,600 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำแล้ว 105 ล้าน ลบ.ม. (2%)
การบริหารจัดการน้ำ การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ วานนี้ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้ประชุมเพื่อติดตามและเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี 2566 ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ให้สอดคล้องกับมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2565/2566 ของรัฐบาล โดยเน้นย้ำการให้ความสำคัญกับการติดตามสถานการณ์ การบริหารจัดการน้ำในระดับพื้นที่ การสำรวจพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร การเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยในการออกปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้ง สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งข้อมูลสถานการณ์น้ำ และมาตรการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ ควบคู่กับการรณรงค์การใช้น้ำอย่างประหยัด และการเกษตรที่ใช้น้ำน้อย เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตขาดแคลนน้ำให้ได้มากที่สุด
กอนช.จับตาสถานการณ์น้ำเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝนปี 66
วางแผนบริหารจัดการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดรองรับฝนทิ้งช่วงกลางปี
สทนช. เร่งหารือหน่วยงานภายใต้ กอนช. ติดตามสถานการณ์เอลนีโญช่วง มิ.ย. – ก.ค. 66 อย่างใกล้ชิด ประเมินความเสี่ยงฝนทิ้งช่วงป้องกระทบแผนบริหารจัดการน้ำ พร้อมเดินหน้า 12 มาตรการรองรับฤดูฝน ปี 66
นาย สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า สทนช. ได้มีการประชุมประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมทรัพยากรน้ำ เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์น้ำและวางแผนเตรียมการรองรับสถานการณ์ฤดูฝนปี 2566 ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคม 2566 โดยคาดการณ์ว่าปีนี้ปริมาณฝนจะน้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 5 มีโอกาสที่ฝนทิ้งช่วงในกลางเดือนมิถุนายน-กลางกรกฎาคม 2566 อย่างไรก็ตาม อาจเกิดพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย จำนวน 1-2 ลูกในช่วงเดือนสิงหาคมหรือกันยายน โดยมีโอกาสสูงที่จะเคลื่อนผ่านบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งลักษณะอากาศและปริมาณฝนในปีนี้จะมีความคล้ายคลึงกับปี 2544 และ ปี 2552
สำหรับแผนการจัดสรรน้ำของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ช่วงฤดูฝนปี 2566 มีแผนทั้งสิ้น 14,851 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2565 โดย 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีแผนการจัดสรรน้ำ 5,500 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันจัดสรรน้ำไปแล้ว 51 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 1% ของแผนจัดสรรน้ำฤดูฝน อย่างไรก็ตาม สทนช.ได้เน้นย้ำแผนบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ ที่มีหน่วยงานรับผิดชอบชัดเจน เพื่อเก็บกักน้ำปริมาณน้ำฝนในช่วงต้นฤดูไว้ให้มากที่สุด ซึ่งจากวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ฝนล่วงหน้า คาดว่าปริมาณในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เมื่อสิ้นสุดฤดูฝน ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 พบว่า จะมีอ่างที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 50 % จำนวน 2 อ่าง ได้แก่ อ่างแม่กวงฯ จ.เชียงใหม่ และอ่างบางพระ จ.ชลบุรี ขณะที่อ่างขนาดกลางเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนจะคงเหลือประมาณ 54 % ซึ่งมากกว่าปี 2565อยู่ร้อยละ 5 นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามแผนปฏิบัติการส่งน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเริ่มที่พื้นที่ทุ่งบางระกำจะเริ่มส่งน้ำเข้าพื้นที่วันที่ 1 เมษายน 2566 เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวและใช้พื้นที่รับน้ำได้ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม และพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยา 10 ทุ่ง เริ่มส่งน้ำเข้าพื้นที่ 1 พฤษภาคม 2566 สามารถเก็บเกี่ยวและใช้พื้นที่รับน้ำได้ในช่วงกลางเดือนกันยายน 2566
“การประเมินสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูฝนปี 2566 นี้ จะใช้ค่าปริมาณน้ำฝนคาดการณ์ต่ำสุดประกอบการจัดทำเกณฑ์บริหารจัดการน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญในช่วงฤดูฝนนี้ โดยเน้นย้ำแผนบริหารจัดการน้ำให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และมีน้ำใช้เพียงพอในทุกพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเร่งติดตามการตรวจสอบความพร้อมและการซ่อมแซมอาคารชลศาสตร์ของหน่วยงานต่าง ๆ ตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 รวมถึงติดตามสถานการณ์การเพาะปลูกพืชโดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมของ GISTDA ส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุก 15 วัน เป็นข้อมูลในการประเมินและติดตามพื้นที่เสี่ยงแล้งในช่วงของฝนทิ้งช่วงและพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนล่วงหน้าได้”นาย สุรสีห์ กล่าว