บิ๊กตู่ ปลื้มเงินบาทยืดหยุ่นมากที่สุดในโลก
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดี Financial Times ลงบทความยกให้ “เงินบาท” ของไทย เป็นสกุลเงินที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุดในโลก และมีเสถียรภาพ
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ Financial Times สื่อดังจากอังกฤษที่นำเสนอข่าวสารด้านธุรกิจและการเงิน ลงบทความวิเคราะห์ โดย รูชีร์ ชาร์มา (Ruchir Sharma) เรื่อง The untold story of the world’s most resilient currency ซึ่งได้กล่าวถึง เงินบาทด้วยความชื่นชมในความมีเสถียรภาพและมีความยืดหยุ่นที่สุดในโลก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าฟื้นฟู และกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประเทศไทยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว มั่นคง อย่างสมดุล
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีสื่ออังกฤษด้านธุรกิจและการเงิน Financial Times ลงบทความยกให้ “เงินบาท” ของไทย เป็นสกุลเงินที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุดในโลก (World’s most resilient currency) รวมทั้งยังมีเสถียรภาพ โดยชี้ให้เห็นว่านับตั้งแต่ที่ไทยเผชิญกับวิกฤตการเงินช่วงปี พ.ศ. 2541 เงินบาทได้กลายเป็นสกุลเงินที่มีเสถียรภาพในระยะยาว และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อน้อยที่สุดอีกด้วย และแม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่า แต่ไทยก็สามารถแข่งขันในระดับโลกได้ จากศูนย์กลางของวิกฤตกลายเป็นจุดยึดของความมั่นคง (An anchor of stability) และถือว่าเป็นหนึ่งในบทเรียนแก่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่น ๆ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า บทความยังระบุอีกว่า การลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วย โดยปริมาณการค้าเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 80 ของ GDP ในปี 2541 เป็นมากกว่าร้อยละ 110 ในช่วงเวลานี้ อีกทั้งประเทศไทยยังมีจุดแข็งในด้านอุตสาหกรรมการผลิตที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น จากรถยนต์เป็นชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก และด้านการท่องเที่ยว ที่เติบโตและขยายไปในหลายๆ ด้าน เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness tourism) และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ซึ่งสร้างรายได้ถึง 1 ใน 4 ของ GDP ประเทศ
“นายกรัฐมนตรีมั่นใจประเทศไทยและรัฐบาลเดินหน้ามาถูกทางแล้ว ซึ่งรัฐบาลเชื่อมั่น และมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งพร้อมประเมินสถานการณ์ความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญควบคู่กันไป เพื่อปรับนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นระยะอย่างต่อเนื่องให้เหมาะสม เพื่อให้ไทยเติบโตได้อย่างสมดุล มั่นคงและยั่งยืน” นายอนุชาฯ กล่าว