สรุปข่าวประจำวันที่ 10 ธันวาคม 2565

หุ้น ตปท.-ไทย : ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (9 ธ.ค. ) ปิด 33,476.46 จุด ลดลง 305.02 จุด (0.90%) เอสแอนด์พี ปิดที่ 3,934.38 จุด ลดลง 29.13 จุด (0.73%) หุ้นแนสแดด ปิดที่ 11,563.33 จุด ลดลง 74.17 จุด (0.64%) ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดตลาด(9 ธ.ค.) ที่ระดับ 1,623.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.64 จุด (0.16%)มูลค่าการซื้อขาย 50,596.03 ล้านบาท
น้ำมันไทย :
PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 0.30 บาท/ลิตร เว้น E20 ลดลง 0.50 บาท/ลิตร ส่วน E85 และกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 10 ธ.ค. 2565 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 41.56, GSH95 = 34.15, E20 = 32.24, GSH91 = 33.88, E85 = 32.39, พรีเมี่ยม GSH95 = 39.64, HSD-B7 = 34.94, HSD-B10 = 34.94, HSD-B20 = 34.94, พรีเมี่ยมดีเซล B7 = 43.66 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
10 ธ.ค. 65 เวลา 05.00 น. บางจากฯ ลดราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ 91,95 -30 สต. E20 -50 สต. ยกเว้น E85 ราคาคงเดิม สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มดีเซลราคาคงเดิม BCP Retail Price : GSH95S EVO 34.15 / GSH91S EVO 33.88 / GSH E20S EVO 32.24 / GSH E85S EVO 32.39 / Hi Diesel B20S 34.94 / Hi Diesel S 34.94 / Hi Diesel S B7 34.94 / Hi Premium Diesel S B7 43.66 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ กทม.)
ทองคำขึ้น 50 บาท : ราคาทองคำเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 29,400.00 ขายออกบาทละ 29,500.00 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 28,864.64 ขายออกบาทละ 30,000.00บาท ราคาทองขึ้น 50 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 8 ธ.ค.
เงินบาททรงตัว : สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ ( 9 ธ.ค.) ทรงตัว โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 34.784 บาท บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 34.9137 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 43.0202 บาทต่อ 1 ปอนด์, 37.0958 บาทต่อ 1 ยูโร , 25.8836 บาท ต่อ 100 เยน, 4.5029 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาท 26.0259 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 8.0183 ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
กก.เปิดนโยบายปฏิรูปราชการ :
พรรคก้าวไกล เปิดนโยบาย “ต้องก้าวไกล ราชการไทยก้าวหน้า” เปลี่ยนแปลงให้ระบบราชการเป็น ราชการเพื่อราษฎร ทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง ประกอบด้วย รัฐโปร่งใส ไร้กลโกง ทุกคนตรวจสอบได้ 1. เปิดข้อมูลรัฐทันที ประชาชนเป็นเจ้าของ 2. ระบบจับโกงอัจฉริยะ 3. โครงการ “คนโกงวงแตก” จูงใจให้คนที่คิดจะโกง ระแวงกันเอง 4. โครงการ “แฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน” 5. ตัวแทนจับโกงจากประชาชน 6. ห้ามใช้เงินหลวง โปรโมทตัวเอง 7. ป.ป.ช. ยึดโยงประชาชน เป็นต้น
ไทยสร้างไทย เปิดนโยบายต้านคอรัปชัน :
พรรคไทยสร้างไทย เปิด “สุดารัตน์โมเดลปฏิวัติคอรัปชัน สร้างไทยที่โปร่งใส ไม่ปล่อยให้คนโกงลอยนวล” ด้วยยุทธศาสตร์ทั้ง 8 ด้านประกอบไปด้วย 1. ผู้นำต้องตั้งใจจริง 2. ทุกคนต้องถูกตรวจสอบหมด 3. มีเส้นตายการสืบสวนสอบสวนและการพิจารณาคดี 4. ลงโทษหนักทั้งผู้ให้ผู้รับ 5. ให้อำนาจประชาชนแจ้งเบาะแสและฟ้องได้โดยตรง 6. สื่อมวลชนมีเสรีภาพ 7. นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย 8.ให้อำนาจประชาชนผ่านสภาชุมชนกำหนดงบประมาณและตรวจสอบการใช้งบประมาณ
นฤมล ติงค่าแรง 600 ฉาบฉวย :
นางสาวนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน กล่าวว่า เรื่องค่าแรง ปัจจุบันก็มีบางอาชีพที่ได้ค่าแรงเกิน 600 ต่อวันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาดแรงงาน ที่แรงงานคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพก็จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น เราไม่ควรจะถกเถียงกันที่ตัวเลขขั้นต่ำ เพราะมันฉาบฉวย แต่เราควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาแรงงานให้ทักษะ มีฝีมือ มีคุณภาพ และตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคตหรือ New S-curve นโยบายด้านแรงงานที่ไม่ฉาบฉวย คือ “สร้าง ยก ให้” เพื่อเร่งพัฒนาคุณภาพฝีมือและคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
คีรี พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอรัฐจ่ายหนี้บีทีเอส :
นายคีรี กาญจนาพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ได้นำทีมผู้บริหาร และพนักงาน กลุ่มบริษัทบีทีเอส สวดอธิษฐานขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โปรดเมตตาให้ปัญหาภาระหนี้สินได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ช่วงตอนหนึ่ง ยังได้กล่าวว่า ไม่เคยนึกเลยว่า บริษัทเรา จะโดนเรื่องการเมืองรังแกเราได้ขนาดนี้ และว่า แม้จะพยายามทำดีอย่างที่สุด ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐ ได้พยายามพึ่งพาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงภาครัฐ แต่ยังไม่ได้รับการดูแลแก้ไข จึงอธิษฐานขอความเมตตา ท้าวมหาพรหม ให้ปัญหาต่างๆ และหนี้ที่ภาครัฐติดค้างอยู่ ได้ชำระโดยไว