กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ขยับเป็น 1.25%
กนง.เผยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ชี้ภาคการท่องเที่ยว-การบริโภคภาคเอกชน เป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจในระยะต่อไป ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 66 มีแนวโน้มสูงกว่าประมาณการครั้งก่อน หลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้วจากราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้อย่างต่อเนื่อง ย้ำระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ แบงก์พาณิชย์มีเงินสำรองที่เข้มแข็ง
นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 30 พ.ย.2565 โดยระบุว่า คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.00% เป็น 1.25% ต่อปีโดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะยังเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจในระยะต่อไป และช่วยลดทอนผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2566 มีแนวโน้มสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนจากราคาพลังงานในประเทศเป็นสำคัญ แต่จะยังคงโน้มลดลงและกลับสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566
“คณะกรรมการฯ เห็นว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อ จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี ในการประชุมครั้งนี้”
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.2% 3.7% และ 3.9% ในปี 2565 2566 และ 2567 ตามลำดับ ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนได้รับแรงสนับสนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจรวมถึงการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ปรับดีขึ้นและกระจายตัวทั่วถึงมากขึ้น
“กนง.ประเมินว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 65 จะขยายตัวได้ 3.2% จากเดิมที่ 3.3% และปี 66 ขยายตัว 3.7% จากเดิม 3.8% ขณะที่ปี 67 จะขยายตัวได้ 3.9%”
โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะเป็นแรงส่งสำคัญต่อเนื่องในปี 2566 และ 2567 แม้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะทำให้ภาคการส่งออกขยายตัวลดลง ส่งผลให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมยังใกล้เคียงเดิม อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงและอาจชะลอตัวมากกว่าคาดและความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 65 คาดว่าอยู่ที่ 6.3% เท่ากับประมาณการในครั้งก่อน ส่วนปี 66 อยู่ที่ 3% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากประมาณการครั้งก่อน และในปี 67 เงินเฟ้อจะลดลงอย่างต่อเนื่องไปที่ 2.1%