หอการค้าไทย-จีน ชี้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน ไตรมาส 4/2565 มั่นใจเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว คาดว่าจะขยายตัว 3% อาจไม่ถึง 3.3% เรื่องจากกังวลการถดถอยของเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจ และเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทย-จีน และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้สำรวจดัชนีความเชื่อมั่น นักธุรกิจและบุคคลที่มีความสำคัญภาคธุรกิจ 305 คน ระหว่างวันที่ 16 ถึง 18 ส.ค.2565 เพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565
โดยผลสำรวจความมั่นใจต่อข่าวที่สื่อต่างๆ นำเสนอว่า เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ และในปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.3% ผู้ตอบการสำรวจ 39.7% คิดว่าเป็นไปได้มาก แต่ 56.7% เห็นว่าเป็นไปได้น้อย ที่เหลือคิดว่าเป็นไปไม่ได้ อุปสรรคที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างไม่ราบรื่น ในลำดับแรกคือ 1.การถดถอยของเศรษฐกิจโลก 2.แรงกดดันจากเงินเฟ้อ 3.เสถียรภาพการเมืองในประเทศ 4.หนี้ครัวเรือน และ5”วิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า
“ความกังวลที่เกี่ยวกับการถดถอยของเศรษฐกิจโลกต่อการเติบโตจองเศรษฐกิจไทย การประเมินความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจโลกก่อนสิ้นปีนี้ มีจำนวน 33.1% คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอยเล็กน้อยต่อจากไตรมาสปัจจุบัน และ 25.2% คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอยเป็นอย่างมาก มีส่วนน้อย 12.5% ที่คิดว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะวิกฤต ในทางตรงกันข้าม 19.8% คิดว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัว
ส่วนปัจจัยทางด้านการเงิน 65.4% คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย น่าจะการปรับขึ้นอีกก่อนสิ้นปี 2565 แต่จากการสำรวจ การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนั้นไม่เป็นประเด็นที่สำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างไม่ราบรื่น
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความกังวลต่อความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย 41.6% คิดว่ามีผลต่อเศรษฐกิจไทยพอสมควร ส่วน 20.7% และ 9.2% มีความเห็นว่ามีผลกระทบมากและมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ที่เหลือไม่มีความกังวล เพราะคิดว่า เป็นเรื่องปกติที่ชาติมหาอำนาจขัดแย้งกัน อีกทั้งบางส่วนเห็นว่า โอกาส เพราะเราไม่อยู่ในความขัดแย้งใดๆ เมื่อพิจารณาถึงโอกาสในการส่งออกไปจีนในสถานการณ์ปัจจุบัน 54.4% ยังมีความมั่นใจพอประมาณ และ 31.5% มั่นใจมากที่สุดว่า จีนยังเป็นตลาดส่งออกที่ไทยพึ่งพาได้ แต่จะหวังนักท่องเที่ยวจากจีนคงหวังได้ยาก โดยที่ 80.3% คิดว่านักท่องเที่ยวจีนจะลดลงจากที่คาดหวังไว้ล่วงหน้า ด้วยสถานการณ์ของประเทศจีนเอง ทั้งนี้ในสัดส่วนนั้น 58.7% คาดว่า นักท่องเที่ยวจีนจะลดลงมากถึงมากที่สุด
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและไทย จากการสำรวจพบว่า 40.7% คาดว่าเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนโดยรวมของจีนในไตรมาสที่ 4 จะดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ในขณะที่ 25.2% คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะทรงๆ ส่วน 31.5% มีความเห็นว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะเติบโตช้าลง ซึ่งผลการประเมินดังกล่าวได้สะท้อนถึงการคาดคะเนการส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบันกล่าวคือ 43.6% คาดว่าการส่งออกของไทยไปยังจีนจะเพิ่มขึ้นและ 31.5% ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน การคาดคะเนการนำเข้านั้น 48.5% คาดว่าการนำเข้าจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้น และ 28.5% การนำเข้าจะทรงตัว ส่วนผลของการสอบถามความคิดเห็น ด้านการลงทุนของจีนในไทย พบว่า 42% ของผู้ให้ข้อมูลคิดว่าการลงทุนจากจีนในไทยในไตรมาสที่ 4 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ 30.8% ของผู้ให้ข้อมูลคาดว่าการลงทุนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน
การสำรวจการคาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ของไทยโดยรวม ในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบัน สรุปได้ว่า 40.3% คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น 30.8% คาดว่า จะทรงๆ ขณะที่ 26.2% จะชะลอตัวลงอีก ทั้งนี้ภาคธุรกิจที่ยังสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในไตรมาสหน้า คือ ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจบริการสุขภาพ พืชผลการเกษตร ธุรกิจบริการสุขภาพ ธุรกิจโลจิสติกส์ และสินค้าเกษตรแปรรูป และ ส่วนธุรกิจที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ ธุรกิจการท่องเที่ยว พืชผลการเกษตร พลังงานและสาธารณูปโภค อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง และ อุตสาหกรรมการผลิต การสอบถามเพิ่มเติมในส่วนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พบว่าเป็นอุตสาหกรรมเป็นโอกาสของประเทศไทยที่สำคัญและจะนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้หากได้รับการแก้ไขอุปสรรคอย่างรวดเร็ว
การคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบัน ผู้ให้ข้อมูลมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปในทิศทางการปรับตัวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทำไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ส่วนแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสหน้านั้น เสียงส่วนใหญ่ 34.4% คาดว่าเงินบาทจะมีค่าแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ และอีก 36.1% คิดว่าถ้าเงินบาทจะทรงตัวในช่วง 35.59 ถึง 36.09 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา