ครม.ลดค่าโอนและจดจำนอง
ครม.ไฟเขียวลดค่าธรรมเนียนการโอน และจดจำนองบ้านและอาคารชุด ลงเหลือ 0.01% เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีโอกาสซื้อบ้านไม่ง่ายขึ้น ซึ่งมาตรการนี้ รัฐบาลจะสูญเสียรายได้ 1,700 ล้านบาท แต่ช่วยให้คนมีบ้านเพิ่มขึ้น 175,020 ราย
“มาตรการนี้ จะช่วยให้ประชาชนที่มีรายได้ปานกลาง จนถึงรายได้น้อย มีภาระในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง โดยบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทจะลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง เกือบ 2 หมื่นบาทต่อรายต่อหลัง” นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 หลังจาก คณะรัฐมนตรี (ครม.) นุมัติมาตรการดังกล่าว
ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยเรียกเก็บค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ เหลือ 0.01%จากเดิม 2% และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์เหลือ 0.01% จากเดิม 1% ของมูลค่าตามที่กระทรวงการพัฒนาสัง คมและความมั่นคงของมนุษย์ (พ.ม.) เสนอ เพื่อช่วยลดเหลือและลดภาระให้แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ รมว.มหาดไทยลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 31 พ.ค.2563 หรือมีระยะเวลา 1 ปี โดยประชาชนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว สามารถเข้าร่วมมาตการนี้ได้ ต้องซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท และหากราคาเกินกว่า 1 ล้านบาท จะไม่ได้ลดค่า ธรรมเนียม
และ ครม.ยังอนุมัติลดค่าธรรมอาคารชุด หรือ คอนโดมิเนียม ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ให้เข้าร่วมกับมาตาการนี้ด้วย โดยค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดและค่าจดจำนองห้องชุด จากเดิมเสียในอัตรา 1% ลดเหลือ 0.01% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 พ.ค.2563 หรือมีระยะเวลา 1 ปี เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ในเอกสารของ ครม.ระบุว่า มาตรการดังกล่าว จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ 1,700 ล้านบาท
“มาตราการที่ ครม.อนุมัติในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรการพยุงเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง แต่เป็นเรื่อง ของ พ.ม.ที่เสนอให้ ครม.อนุมัติ ซึ่งปัจจุบันประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง มีจำนวน 2.87 ล้านครัวเรือน ซึ่งในจำนวนนี้ คาดว่า 41-80% ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ดังนั้น เพื่อยกระดับคุณภาพของประชาชน จำเป็นต้องใช้มาตรการหลายด้านควบคู่กันไป ทั้งนโยบายเศรษฐกิจและไม่ใช่นโยบายเศรษฐกิจ” นายณัฐพร กล่าวและกล่าวว่า
“มาตรการนี้ จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้เร็วขึ้น และยังช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่ผู้ซื้อบ้านได้ด้วย” นายณัฐพร กล่าวว่า
ประชาชนคาดว่า จะสามารถซื้อบ้านได้ประมาณ 58,340 ครัวเรือน คิดเป็นจำนวน 175,020 ราย และยังช่วยลดปริมาณบ้านราคาที่ไม่ถึง 1 ล้านบาทที่อยู่ในท้องตลาดลดลงได้ด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มต้นก่อสร้างโครงการใหม่ๆ ได้เพิ่มเติม ขณะที่ภาพรวมของเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น เพราะมีการว่าจ้างแรงงานในภาคการก่อสร้างมากขึ้น มีการซื้ออุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เป็นต้น นายณัฐพร กล่าวว่าในที่สด.