บอร์ดสลากตรึงราคาหวย 80 บาทถึงวันสุดท้าย
สำนักงานสลากฯ จะเพิ่มปริมาณสลากดิจิทัล จากเดิม 10 ล้านฉบับ เปลี่ยนเป็น 7 ล้านฉบับในงวดวันที่ 1 ส.ค.2565 ซึ่งสามารถเริ่มซื้อได้ในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ส่วนสลากดิจิทัล งวดวันที่ 16 ก.ค.นี้ ที่เริ่มซื้อได้ ในวันที่ 2 ก.ค.นั้น มีปริมาณสลากดิจิทัล มีเพียง 5 ล้านฉบับเท่านั้น
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวภายหลังการประ ชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปว่า จะเพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลให้ได้ 20 ล้านฉบับภายในสิ้นปีนี้ โดยในระหว่างนี้ อัตราการเพิ่มของสลากดิจิทัลจะมีเพิ่มขึ้นงวดละ 1 ล้านฉบับ สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านฉบับ เพื่อรักษาระดับราคาสลาก 80 บาท และยังความสมดุลระหว่างสลากใบๆ กับสลากดิจิทัล ซึ่งเป็นประเด็นที่สำนักงานสลากฯ ห่วงใยมากที่สุด เพราะสำนักงานสลากฯ ไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ผู้ค้าสลากรายย่อย หรือสลากใบๆ ขาดทุน
“เราไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ทันที 10 ล้านฉบับ เนื่องจากสลากทุกใบที่เข้าร่วมโครงการมาจากความสมัครใจของผู้ค้าสลากที่ได้รับโควตา ดังนั้น หากผู้ค้าสลากฯ จะเข้าร่วมโครงการสลากดิจิทัลต้องแสดงความจำนงและทำสัญญาเข้าร่วมโครงการนี้ โดยมีผู้ค้าสลากมากกว่า 10,000 คนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
ขณะนี้ สำนักงานสลากฯ ยังคงเดินตามแผนแทรกแซงราคาสลากไม่ให้เกิน 80 บาทคือ 1.การจำหน่ายสลากดิจิทัล ได้รับการตอบรับ และมีผลดีเกินคาด 2.จุดตรึงราคาสลาก 80 บาท ขายผ่านแอพฯ เป๋าตังนั้น ในเดือนหน้าจะเพิ่มได้ครบ 1,000 จุด จากปัจจุบันที่มีอยู่ 700 จุด นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจุดตรึงราคา 80 บาท อีก 2,000 จุดทั่วประเทศ ภายใต้ความร่วมมือกับสถานีให้บริการน้ำมันของ ปตท.และบางจาก รวมเป็น 3,000 จุดภายในสิ้นปีนี้ โดยเสนอให้ผู้ค้าสลากเดิมในสถานีบริการน้ำมันเข้าร่วมโครงการก่อนเป็นอันดับแรก
“บอร์ดสลากฯ เดินล้ำไปข้างหน้าเร็วมาก ล่าสุดได้หารือกับ ปตท.กับบางจากแล้วว่า จะเพิ่มจุดตรึงราคา 80 บาทในปั๊มน้ำ มัน ซึ่งปัจจุบัน ปตท.มีปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ 2,000 จุด และบางจากอีก 1,000 จุด”
นายลวรณ กล่าวอีกว่า จุดตรึงราคาทั้งหมด ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 4,000 จุด ยังขาดอีก 1,000 จุด ที่จะต้องหาหน่วยงานอื่นมาร่วมดำเนินโครงการนี้ (จุดตรึงราคาได้รับสลากงวดละ 25 เล่ม หรือ 2,500 ฉบับ)
และเรื่องที่ 3 คือการคัดเลือกผู้ค้าสลากตัวจริง จากการลงทะเบียนที่มีจำนวน 900,000 คนนั้น ล่าสุดคัดเลือกเบื้องต้นแล้วเหลือ 300,000 คน ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบาล โดยจะคัดเลือกจากจำนวนนี้ ให้เหลือเพียง 70,000 คน และเมื่อรวมกับผู้ค้าสลากฯ เดิม 110,000 คน และผู้ค้าสลากฯ ตัวจริงที่ลงทะเบียนกับตำรวจอีก 14,000 คน ตัวเลขผู้ค้าสลากที่ลงทะเบียนใหม่จะได้ตามจำนวนที่ตั้งไว้ ประมาณ 200,000 คน
นายลวรณ กล่าวว่า ภายในสิ้นปีนี้ ที่ตั้งเป้าหมายสลากดิจิทัลจะมีขายในระบบ 20 ล้านฉบับ หรือคิดเป็น 20% ของยอดการพิมพ์สลากทั้งหมด 100 ล้านฉบับ และยังมีสลากที่จายผ่านจุดตรึงราคาอีก 10 ล้านฉบับหรือ 10% รวมเป็นสลากที่ขายในราคา 80 บาท มีอยู่ทั้งหมด 30 ล้านฉบับ หรือคิดเป็น 30% จากยอดการพิมพ์สลากทั้งหมด จึงมั่นใจว่า ผู้ค้าสลากรายย่อยจะค่อยๆ ปรับตัว จากที่ขายเกินราคาลดลงมาอยู่ในราคาฉบับละ 80 บาทได้ ถ้าไม่ได้ตามนั้น สำนักงานสลากฯ จะเพิ่มสลากดิจิทัลให้มากกว่า 20 ล้านฉบับ
“ตอนนี้ เราดูว่า สลากดิจิทัลใช้ระยะเวลาในการขายนานเท่าไหร่ ซึ่งไม่ใช่ 5 วัน หรือ 2 วันครึ่งอย่างแน่นนอน แต่เราต้องการเห็นสลากดิจิทัลมีขายในแอพฯ เป๋าตังนาน 9-10 วัน เพื่อได้ดึงราคาสลากใบๆ ลงมา”
ดังนั้น การทยอยเพิ่มสลากดิจิทัลขึ้นงวดละ 1 ถึง 2 ล้านฉบับ ก็เพิ่มการดูดซับความต้องการของตลาด ด้วยการแทรกแซงตามหลักเศรษฐศาสตร์นั่งเอง