นายกฯ ห่วงเงินเฟ้อ กระทบคนไทย สั่งทุกกระทรวงแก้ปัญหาด่วน
นายกฯ ห่วงเงินเฟ้อ กระทบคนไทย สั่งทุกระทรวงเร่งแก้ปัญหา ย้ำหลักการสำคัญสินค้าต้องไม่ขาดตลาด ไฟฟ้าต้องไม่ดับ ราคาต้องไม่สูง
12 เม.ย.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ได้เน้นย้ำต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการแก้ปัญหาราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้น ทั้งปัจจัยความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ซึ่งคาดว่าอาจจะยังไม่ยุติโดยเร็วจึงทำให้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพลังงาน ก๊าซ น้ำมัน ปุ๋ย อาหารสัตว์ และอื่น ๆ เป็นต้น รวมถึงความห่วงใยปัญหาเรื่องของเงินเฟ้อ ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ได้มีการหารือในประเด็นเหล่านี้ เพราะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอย่างดีจากผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยขณะนี้ รัฐบาลกำลังมีการพิจารณาหามาตรการมารองรับในเรื่องของผลกระทบจากเงินเฟ้อ โดยดำเนินการด้วยความระมัดระวังและให้สอดคล้องกับงบประมาณของประเทศที่มีอยู่ โดยให้การลงทุนภาครัฐยังสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ตามเป้าหมายที่กำหนดเพราะเป็นโครงสร้างสำคัญที่ทำให้ประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์
รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงใยภาคเกษตรกร ที่จะส่งผลไปยังผู้ประกอบการและส่งผลกระทบย้อนกลับมาที่ผู้บริโภค จึงได้สั่งการให้ทุกกระทรวงไปดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร่งด่วน ย้ำหลักการสำคัญสินค้าต้องไม่ขาดตลาด ไฟฟ้าต้องไม่ดับ ราคาต้องไม่สูง และต้องมีการปรับราคาสินค้าที่ควบคุม 18 หมวด รวมไปถึงการเร่งแก้ปัญหาเรื่องความล่าช้าในการขนส่งผลไม้และสินค้าไปจีนด้วย โดยจะมีการหารือระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ซึ่งเรื่องการขนส่งสินค้าก็จะทำได้สะดวกมากขึ้นโดยมีการเคารพหลักการซึ่งกันและกัน จะมีการแก้ปัญหาที่ต้นทางและลดขั้นตอนลง โดยแก้ปัญหาที่ต้นทางประเทศไทยก่อนเพื่อไม่ให้เสียเวลาขนส่งที่จีน ซึ่งจะต้องเป็นข้อตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง 10 มาตรการสำคัญที่รัฐบาลได้ออกมาเพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มในด้านต่าง ๆ รวมถึงการช่วยเหลือด้านพลังงานด้วย ซึ่งขณะนี้หลายโครงการได้ดำเนินการไปแล้วและเกิดผลต่อประชาชน รวมถึงกลุ่มเปราะบางและผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีอยู่จำนวนหลายล้านคน โดยคาดว่าจะสามารถช่วยประคับประคองให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังได้มีการพิจารณาในเรื่องการสร้างรายได้ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการอำนวยความสะดวกประชาชนด้วย
นายกรัฐมนตรีย้ำถึงการที่ไทยต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มายาวนานกว่า 2 ปีและหลายเรื่องก็เริ่มคลี่คลายแล้ว ซึ่งเป็นผลจากการที่ทุกคนร่วมมือกันขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ไปพร้อมกับการแก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาด้วย ทั้งเรื่องของการสนับสนุนนโยบายการใช้รถ EV ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเริ่มจัดหารถประจำทางเข้ามาใหม่ โดยให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาที่นำด้วยเศรษฐกิจ BCG บนพื้นฐานที่สมดุลยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการลดโลกร้อนและการลดก๊าซคาร์บอน การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างเขตอุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะ เพื่อพัฒนานวัตกรรมประเทศไทยให้มีรายได้สูงขึ้น และสามารถมีรายได้เข้าประเทศมากขึ้นด้วย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงปัจจัยและกุญแจสำคัญของการอยู่ดีกินดีของประชาชนว่า คือการเพิ่มรายได้ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาหนี้สินและความยากจนอย่างยั่งยืนในเชิงรุก ซึ่งขณะนี้หลายหน่วยงานได้เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องหนี้ต่าง ๆ ทั้งหนี้จากการผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ การประนอมหนี้ และการเจรจาไกลเกลี่ยหนี้ซึ่งกระทรวงยุติธรรมดำเนินการในเรื่องนี้ประสบผลสำเร็จแล้วหลายพันราย จึงขอให้ทุกกระทรวงได้นำแนวทางการดำเนินการดังกล่าวไปเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติต่อไปอย่างต่อเนื่องด้วย