กนง.ห่วงเงินเฟ้อพุ่งเกิน 3% ครึ่งปีแรก
ผลกระทบเรื่องสาธารณสุขเท่านั้น ไม่มีความรุนแรงส่งผลถึงระบบเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งจากราคาน้ำมันและราคาอาหารที่แพง อย่าตกใจครึ่งปีแรกเงินเฟ้อทะลุเกิน 3%
นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยผลการประชุม กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ 0.50% ต่อปี หลังจากพบว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน จะสร้างแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุขในวงจำกัด ทำให้ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโดยรวมลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มเร่งขึ้นในช่วงแรกของปี 2565 จากราคาพลังงานและอาหารสด
อย่างไรก็ตาม กนง.ยังต้องติดตามราคาพลังงานโลกและสัญญาณการปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการเป็นวงกว้าง โดยคาดว่า อัตราเงินเฟ้อในครึ่งปีแรกมีโอกาสสูงเกินกรอบเป้าหมาย 3% ดังนั้น การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเท่าเดิมจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและลดแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อได้
“ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวดีกว่าที่คาดไว้ในการประชุมครั้งก่อน และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2565 จากการส่งออกสินค้าที่ปรับสูงขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ และผ่อนคลายมาตรการเข้มข้นของสาธารณะสุข”
สำหรับมาตรการการคลังนั้น ควรสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างตรงจุด โดยเน้นการสร้างรายได้ และเร่งเตรียมมาตรการเพื่อฟื้นฟูและยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจ ขณะที่นโยบายการเงินช่วยสนับสนุนให้ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลายต่อเนื่อง และมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อมีส่วนช่วยกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุดและช่วยลดภาระหนี้ อาทิ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ และมาตรการอื่น ๆ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจควบคู่กับการผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งสนับสนุนการรวมหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น ๆ และปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน ให้เห็นผลในวงกว้างและสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในระยะยาว