เผยยอดผู้ยื่นขอทำพิโกไฟแนนซ์เพิ่มแรง
สศค.เผยยอดผู้ยื่นขอทำสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เพิ่มขึ้นแรงมาก เหตุรัฐเปิดช่องธุรกิจกว้างขึ้น ระบุยอดสินเชื่ออนุมัติสะสมสิ้น ธ.ค.61 รวม 56,558 บัญชี รวมเป็น 1,558.97 ล้านบาท เฉลี่ย 27,564.01 บาทต่อบัญชี แยกแบบมีหลักประกัน 929.26 ล้านบาท และแบบไม่มีหลักประกัน 629.71 ล้านบาท ด้านยอดสินเชื่อคงค้างรวม 20,402 บัญชี 587.97 ล้านบาท
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีมีผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เพิ่มขึ้น โดยคาดว่ายังคงมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มีปัจจัยสำคัญมาจากการอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถให้บริการสินเชื่อโดยรับสมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นประกันในวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50,000 บาท ได้ โดยมีรายละเอียด สรุปได้ดังนี้
สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.59 ที่กระทรวงการคลังเปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เป็นต้นมา จนถึง ณ สิ้นเดือน ม.ค.62 มีจำนวนนิติบุคคลยื่นคำขออนุญาตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนคำขออนุญาตทั้งสิ้น 897 ราย ใน 73 จังหวัด
จังหวัดที่ยื่นคำขออนุญาตมากสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา 76 ราย กรุงเทพมหานคร 68 ราย ขอนแก่น 50 ราย ทั้งนี้ มีนิติบุคคลที่คืนคำขออนุญาตทั้งสิ้น 103 ราย ใน 47 จังหวัด จึงคงเหลือนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตสุทธิ 794 ราย ใน 68 จังหวัด และมีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว 469 ราย ใน 66 จังหวัด ซึ่งจำนวนนี้ ได้เปิดดำเนินการแล้วเป็น 382 ราย ใน 64 จังหวัด และมีจำนวนผู้ประกอบการที่ปล่อยสินเชื่อแล้ว 358 ราย ใน 63 จังหวัด
นอกจากนี้ สืบเนื่องจากที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 (เรื่อง สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ) (ฉบับที่ 2) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.61 เป็นต้นมา โดยได้ปรับปรุงนิยามของสินเชื่อพิโกแนนซ์ให้รองรับการให้บริการสินเชื่อโดยรับสมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เป็นประกัน หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน” หรือ “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ” ในวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50,000 บาท ได้ด้วย
สำหรับเงื่อนไขอื่นๆ ยังคงเป็นไปตามเงื่อนไขทั่วไปของสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ประกอบกับประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 (เรื่องสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) ฉบับที่ 3 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.62 ซึ่งกำหนดให้สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันดังกล่าวเป็นกิจการที่อยู่ภายใต้การกำกับซึ่งต้องขออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
จึงคาดว่าจะมีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในระดับท้องถิ่นที่สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เพิ่มเติมเข้ามาอีกเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้สนใจจะประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในระดับประเทศที่มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท มีแนวโน้มจะขออนุญาตภายใต้ใบอนุญาตสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ สถิติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.61 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 56,558 บัญชี รวมเป็นเงิน 1,558.97 ล้านบาท หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 27,564.01 บาทต่อบัญชี ประกอบด้วย สินเชื่อแบบมีหลักประกัน 30,274 บัญชี เป็นเงิน 929.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 59.61 ของยอดสินเชื่ออนุมัติสะสม และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน 26,284 บัญชี เป็นเงิน 629.71 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40.39 ของยอดสินเชื่ออนุมัติสะสม
ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 20,402 บัญชี คิดเป็นเงิน 587.97 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อคงค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน มี 1,944 บัญชี หรือคิดเป็นเงิน 57.90 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.85 ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม และมีสินเชื่อคงค้างชำระที่เกินกว่า 3 เดือน (NPL) 645 บัญชี คิดเป็นจำนวนเงิน 35.91 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.11 ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม
สำหรับสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือน มี.ค.60 ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อนุมัติสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบทดแทนหนี้นอกระบบ รายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.85 ต่อเดือน โดยได้เร่งกระจายความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดังกล่าวแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ม.ค.62 มีการอนุมัติสินเชื่อรวม 462,113 ราย เป็นเงิน 21,540.31 ล้านบาท จำแนกเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 425,371 ราย เป็นเงิน 19,973.27 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติให้กับผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 ที่มีหนี้นอกระบบ 36,742 ราย เป็นเงิน 1,567.04 ล้านบาท.