เอสซีจี อินเตอร์ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 4.5หมื่นลบ.
เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งเป้ายอดขาย 45, 000 ล้านบาทในปี 2562 หรือ เติบโตร้อยละ 13 พร้อมกับตั้งงบ 4,500 ล้านบาท ทำแพลตฟอร์ม สร้างแบนด์ สร้างบุคลากร และร่วมทุนในต่างประเทศ
นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัท เอสซีจี เทรดดิ้ง จำกัด ได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการดำเนินธุรกิจ ให้บริการแบบครบวงจร ตลอดทั้ง Supply Chain ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและ Digital Platform มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนประเทศจีนประเทศอินเดียและภูมิภาคอื่นๆทั่วโลกด้วย 3 แนวคิดหลัก ได้แก่ Customer Centric, Data Driven และ Services and Solutions โดยตั้งเป้าสร้างยอดขาย 45, 000 ล้านบาทในปี 2562 หรือเติบโตร้อยละ 13 โดยแบ่ง ยอดขายในตลาดอาเซียน 70-80 % จีนและอินเดีย 10-15% พร้อมกับตั้งงบประมาณ 4,500 ล้านบาท ในการทำแพลตฟอร์ม สร้างแบนด์ สร้างบุคลากร และร่วมทุนในต่างประเทศ
สำหรับ 3 แนวคิดหลักดังกล่าว ได้แก่ 1.การเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง (Customer Centric) ในฐานะ “to-End Supply Chain Solution Provider” พร้อมให้บริการแบบ“ One-Stop Interface” ด้วยการนำจุดแข็งด้านการเป็น Regional Expert ของเครือข่ายในต่างประเทศทั่วโลกที่เข้าใจความต้องการเชิงลึกของลูกค้าแต่ละพื้นที่มาใช้วิเคราะห์ธุรกิจของลูกค้าพร้อมนำเสนอโซลูชั่นสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจรตั้งแต่การหาตลาดใหม่ๆการพัฒนาตลาดจัดจำหน่ายสินค้าและจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพโดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์กว่า 40 ปีพร้อมให้บริการระบบโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งในและต่างประเทศรวมถึงให้คำปรึกษาด้านกฎระเบียบด้านการค้าระหว่างประเทศและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละประเทศ
2.การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากทั่วโลกมาใช้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว (Santa Briven) และวยให้สามารถบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยนาเทคโนโลยีอย่าง Data Analytics, ICT Artificial Intelligence (AI) และ Robotic Process Automation (RPA) มาใช้ด้าเนินธุรกิจเช่นการน้า Data Analytics มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลและพัฒนาช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ (Digital Platform) สำหรับลูกค้าองค์กรขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วอาเซียนโดยล่าสุดได้ร่วมมือกับ Ralail. com ซึ่งปัจจุบันถือเป็น B2B Online Marketplace ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอินโดนีเซียพัฒนาช่องทางการขายสินค้าออนไลน์บริการจัดการคลังสินค้าโดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปีนี้
นอกจากนี้ยังได้พัฒนา“ B2B Smart Energy” โดยนำเทคโนโลยี AI และเซ็นเซอร์มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตของโรงงานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3.การนำเสนอสินค้าคุณภาพพร้อมบริการและโซลูชั่นครบวงจร (Services and Solutions) นอกจากการจัดหาสินค้าคุณภาพจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานจากทั่วโลกยังเสริมการบริการพร้อมโซลูชั้นแบบครบวงจรด้วยโซลูชั่นจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพจากประเทศจีนและอินเดียซึ่งเอสซีจีอินเตอร์เนชั่นแนลมีเครือข่ายในแต่ละประเทศที่จะช่วยคัดสรรบริษัทผู้ผลิตที่มีมาตรฐานพร้อมช่วยดูแลตั้งแต่กระบวนการผลิตให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพตลอดจนการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ตรงตามกำหนด
นอกจากนี้ยังพัฒนาโซลูชั่นด้านการก่อสร้างแบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชียได้ภายใต้แนวคิด“ Smart Build” ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้นด้วยการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพครบตามความต้องการรวมถึงการให้บริการด้านวิศวกรรมการออกแบบการจัดหาตลอดจนการพัฒนาช่างที่มีฝีมือและการให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านก่อสร้างผ่านเว็บไซต์ www. scgsmartbulld. com
อีกทั้งยังได้จับมือคู่ค้าต่างชาติจัดตั้งบริษัทร่วมทุน“ บริษัท สยามเซย์ซอน จำกัด ” ให้บริการ “Smart Financial Solution” บริการด้านการเงินสำหรับผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับลูกค้าในการดำเนินธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ดียิ่งขึ้นโดยได้เริ่มทดลองดำเนินการในประเทศไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาและมีแผนจะขยายการดำเนินงานเต็มรูปแบบภายในปลายปีนี้
นอกจากนั้นยังมองหาโอกาสการทำธุรกิจใหม่ ๆ ในกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนประเทศจีนประเทศอินเดียและภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลกในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมอีกด้วย