5 ปี ห้ามตั้ง-ขยายรง.ผลิตเหล็ก
หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็ก ทุกขนาดทุกท้องที่ในราชอาณาจักร ตามพ.ร.บ.โรงงานพ.ศ.2535 เป็นเวลา 5 ปี เพื่อให้ผู้ผลิตปรับตัวและเข้าสู่ภาวะสมดุลจากปัจจุบันที่ผู้ผลิตในประเทศมีกำลังผลิตส่วนเกินสะสมจนทำให้หลายรายต้องหยุดกิจการ
นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรมรักษาราชการแทนรมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เนื่องจากผู้ผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตในประเทศมีอัตราการกำลังผลิตทั้งหมด 9 ล้านตัน แต่ใช้กำลังผลิตเพียง 2-3 ล้านตันหรือ 35-45% ทำให้เกิดขาดทุนและปิดกิจการจึงกำหนดไม่ให้ใบอนุญาตกับโรงงานใหม่ใน 5 ปีเพื่อให้ผู้ผลิตไทยปรับตัวเร่งพัฒนาเทคโนโลยี จากนั้นจะมีการร่างประกาศมาตรฐานมลพิษโรงงานเหล็กทั้งหมดเพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับการประกาศห้ามหรือขยายจะครอบคลุมเฉพาะเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตเท่านั้น ส่วนเหล็กอื่นที่คุณภาพสูงและใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ จะไม่ครอบคลุมอาทิ เหล็กเพลา เหล็กลวด เหล็กรูปพรรณที่ขึ้นรูปรีดร้อน และขึ้นรูปรีดเย็น นอกจากนี้ ยังไม่บังคับใช้กับผู้ประกอบการที่ได้ยื่นขออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน/ขยายโรงงานหรือขอใช้ที่ดินเพื่อประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับความเห็นชอบรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EIA หรือ EHIA)ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลบังคับใช้คาดว่าจะประกาศลงนามได้ในเร็วๆ นี้
นอกจากนั้น ครม.ยังเห็นชอบ แก้ไขประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องการให้ตั้งโรงงานที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. 2559 คือการให้ยกเว้นการตั้งโรงงานที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบในทุกที่ในไทยสามารถขออนุญาตตั้งโรงงานได้แม้ในกรณีที่พื้นที่ที่จะขอตั้งโรงงานที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบจะมีระยะห่างจากเขตโรงงานน้ำตาลที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานไม่ถึง 50 กิโลเมตรก็ตามเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีวภาพ(ไบโออีโคโนมี) ปี 2561-2570
และเห็นชอบผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เพื่อทำการเหมืองแร่ ใน 8 โครงการทำเหมืองหินเพื่อการก่อสร้างเพื่อป้องกันการขาดแคลนคิดเป็นพื้นที่ 1.4 หมื่นไร่คิดเป็นมูลค่าแร่กว่า 1.69 แสนล้านบาทโดยเป็นการต่ออายุประทานบัตรในพื้นที่เดิมประกอบด้วย บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง บมจ.ภูมิใจไทยซีเมนต์ บ.น่ำเฮงศิลา บมจ.ปูนซีเมนต์เอเชีย บ.หินอ่อน ห้างหุ้นส่วนจำกัด วังศิลา และ บ.ศิลาอารี.