รัฐ-เอกชนมอบ“ของขวัญประกันภัย”รับ 7 วันอันตราย
ผู้บริโภค (ลูกค้า) คือ “ศูนย์กลาง” ที่ผู้ประกอบการธุรกิจต้องให้ความสำคัญและเอาใจใส่อย่างดีที่สุด เพราะความประทับใจ ทั้งจากตัวสินค้าและบริการ คือ ความจดจำและจงรักภักดีในตราสินค้าที่จะมีตามมา ไม่เพียงแค่ตัวลูกค้า หากยังอาจนำมาซึ่งคนรอบข้างและใกล้ตัว ที่พวกเขาอาจแนะนำให้เกิดการทดลองใช้ในตัวสินค้าและบริการนั้นๆ จนคนกลุ่มนั้น อาจกลายเป็น “ลูกค้ารายใหม่” ได้ในอนาคตอันใกล้
ปรัชญานี้ ถูกนำมาใช้ไม่เฉพาะกับองค์กรธุรกิจภาคเอกชน เพราะแม้แต่ องค์กรที่ได้ชื่อว่าเป็น “เรคกูเรเตอร์” อย่าง…คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เอง ยังได้แนวคิดข้างต้นมาใช้เพื่อสร้างความพอใจสูงสุดแก่คนไทย
โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองทั้งในห้วงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ รวมถึงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนไทยกว่า 20 ล้านคน เดินทางทางถนนเพื่อกลับบ้าน และ/หรือ เพื่อการท่องเที่ยว
จากตัวเลขสถิติที่น่าตกใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่าคนไทยที่ต้องเดินทางบนท้องถนนในช่วง “7 วันอันตราย” มักประสบกับอุบัติเหตุอันคาดไม่ถึงเป็นจำนวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ในภูมิภาคนี้
หากย้อนไปดูข้อมูลย้อนหลังในช่วง 10 ปี (2550-2559 ) ซึ่งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้บันทึกเอาพบว่า มีอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ในช่วง 7 วันระวังอันตรายมีรวมกัน 35,605 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บรวม 38,201 คน และมีผู้เสียชีวิตรวม 3,710 ราย โดยในปีที่มีอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 7 วันระวังอันตรายมากที่สุดคือปี 2551 มีอุบัติเหตุรวม 4,475 ครั้ง ส่วนปีที่มีผู้บาดเจ็บมากที่สุดคือปี 2550 มีผู้บาดเจ็บรวมถึง 4,943 คน และปีที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือปี 2550 ด้วยเช่นกันโดยมีผู้เสียชีวิต 449 ราย
และเมื่อช่วงส่งท้ายปีเก่า 2560 ต้อนรับปีใหม่ 2561 ที่ผ่านมา ยังพบว่า ช่วง “7 วันอันตราย” นั้น มีอุบัติเหตุรวม 3,841 ครั้ง ตาย 423 ราย ผู้บาดเจ็บ 4,005 คน แน่นอนว่า…ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็ไม่ต่างกันนัก และส่วนใหญ่อันเป็นต้นเหตุแห่งปัญหา ก็คือ “เมาแล้วขับ” ขณะที่รถมอเตอรไซค์ ได้ชื่อว่าเป็น “ต้นเหตุแห่งปัญหา” มากที่สุด
ดังนั้น คปภ.ในยุคของเลขาธิการฯ ที่ชื่อ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ จึงพยายามบูรณาการในการทำงานร่วมกับพันธมิตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหวังจะสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยที่จำต้องเดินทางบนถนนในช่วง “7 วันอันตราย” รอยต่อปี 2561/2562 ผ่านโครงการที่ชื่อ “โครงการความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ประยำปี2562 และอบรมเครือข่ายอาสาสมัครประกันภัยในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อขับเคลื่อนการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่”
ซึ่ง คปภ. ได้รับความร่วมมือจากสภาธุรกิจประกันภัย สมาคมวินาศภัย สมาคมประกันชีวิตไทย และมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมกันนี้ พวกเขายังแสดงและประกาศเจตนามรณ์ร่วมกันในการจะปฏิบัติตามกฎจราจรด้วยการสร้างเครือข่ายอาสาสมัครประกันภัย และประกาศเจตนารมณ์ “ลดอุบัติเหตุบนถนน” เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ณ ร.ร.เจ้าพระยาปาร์ค
ดร.สุทธิพล กล่าวอีกว่า สำนักงาน คปภ.ได้เปิดศูนย์บริการสายด่วน คปภ. 1186 อย่างครบวงจร เพื่อให้บริการ Hotline 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วันอันตราย ในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งให้มีการรายงานข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุกลุ่มหรือรายใหญ่ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรูปของ Platform ทั้งในส่วนของบริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต และสำนักงาน คปภ. ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และต้องทำภายใน 3 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ สำนักงาน คปภ.ยังร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยส่งมอบความสุขและสร้างความอบอุ่นใจในการเดินทางแก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ด้วยของขวัญพิเศษในรูปแบบของกรมธรรม์ประกันภัยถูกที่สุดในโลก แต่ให้ความคุ้มครองแบบคุณภาพ คือ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจด้วยประกันภัย 7 บาท. (ไมโครอินชัวรันส์) หรือกรมธรรม์ประกันภัย 7 บาท และกรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่อุ่นใจด้วยประกันภัย 10 บาทพลัส (ไมโครอินชัวรันส์) หรือกรมธรรม์ประกันภัย 10 บาทพลัส ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา
ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัย 7 บาท จะคุ้มครอง 3 กรณี คือ เสียชีวิต เสียอวัยวะมือ เท้า สูญเสียสายตา หรือทุพลภาพถาวรสิ้นเชิง ไม่รวมฆาตกรรม ลอบทำล้ายร่างกาย และ/หรืออุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ โดยจะได้รับความคุ้มครอง 100,000 บาท และกรณีเดียวกันขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับความคุ้มครอง 50,000 บาท รวมถึงค่าใช้จ่ายจัดงานศพที่เสียชีวิตจากการเจ็บป่วย 5,000 บาท
ส่วนกรมธรรม์ประกันภัย 10 บาทพลัส นอกจากใหความคุ้มครองเหมือนกรมธรรม์ประกันภัย 7 บาทแล้ว ยังเพิ่มความคุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุจ่ายตามจริง ทั้งนี้ กรมธรรม์ประกันภัยทั้ง 2 ตัว เป็นกรมธรรม์แบบกลุ่ม เฉพาะผู้ประกอบการซื้อให้พนักงาน ลูกจ้าง ลูกค้า แต่ถ้าเป็นยุคคนทั่วไปสามารถรมตัวซื้อกันได้ที่ธนาคารออมสินและเคาท์เตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ โดยผู้มีสิทธิ์เอาประกันต้องมีอายุ 20-70 ปีบริบูรณ์ มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วันนับแต่วันทำประกันภัย เริ่มจำหน่าย 1-31 ธ.ค.61
นอกจาก คปภ.แล้ว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เอง ก็เข้ามามีส่วนร่วมกับเทศกาลสำคัญๆ เช่นนี้ โดยร่วมมือกับ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด และ บมจ.กรุงเทพประกันภัย จัดโครงการ “ของขวัญปีใหม่ไทยเที่ยวไทย” มอบประกันภัยฟรี! ที่ชื่อ “ประกันอุบัติเหตุอุ่นใจปีใหม่” ให้กับคนไทยจำนวน 1 แสนราย (กรมธรรม์) เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
ดร.อัญชลิน พรรณิภา ประธานทีคิวเอ็ม กล่าวว่า โครงการนี้ต่อยอดมาจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เคยจัดมาก่อน โดยในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ มีการเพิ่มเติมเงื่อนไขความคุ้มครองจากเดิมที่ให้วงเงินแก่ทายาท กรณีผู้เอาประกันเสียชีวิต หรือทุพลภาพร้ายแรงตลอดชีวิต 1 แสนบาท ด้วยการมอบค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติ 5,000 บาท รวมถึงเงื่อนไขความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลอื่นๆ
สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.61 – 5 ม.ค.62 ผ่านการสแกน QR Code เข้าสู่หน้าแอปฯของ TQM Insurance Broker จากนั้นกรอกข้อมูลสำคัญ คือ ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด และเบอร์โทรศัพท์ ก่อนกดยืนยันข้อมูล ระบบจะทำการตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันภัย หากถูกต้องจะยืนยันเลขกรมธรรม์ และวันเริ่ม-วันสิ้นสุดความคุ้มครองผ่าน LINE โดยมีอายุความคุ้มครอง 30 วัน
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเอกชนอีกหลายค่ายและหลากธุรกิจ ที่นำเสนอสิ่งดีๆ ให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น บมจ.
แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) ที่ประกาศให้ของขวัญปีใหม่แก่ลูกค้า โดยร่วมมือกับ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ด้วยประกันภัยตลอดระยะเวลา 30 วัน ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เพียงแค่ใช้ เอไอเอส กด *638# แล้วโทรออก ก็จะได้รับสิทธิ์นั้นทันที
ถึงตอนนี้ แม้จะมีองค์กร-หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ต่างก็ให้ความสำคัญกับการมอบประกันภัยฟรี! หรือคิดราคาถูกมากๆ ให้กับผู้ที่ต้องเดินทางในช่วงเทศกาลสำคัญๆ กระนั้น ผู้มีหน้าที่ขับขี่ยวดยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นรถเล็กรถใหญ่ หรือแม้แต่รถมอเตอร์ไซค์ ก็จะต้องไม่ขับขี่ด้วยความประมาท
ที่สำคัญ หากคิดจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็อย่าได้ขับขี่รถยนต์ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เป็นอันเด็ดขาด เพราะไม่แน่ว่า…คุณและผู้โดยสารของคุณ อาจเป็นหนึ่งในสถิติการเกิดอุบัติเหตุในปีนี้ ก็เป็นได้.