สรุปข่าวประจำ วันที่ 26 กันยายน 2564
หุ้นไทยสัปดาห์หน้า : บล.กสิกรไทย คาดดัชนีหุ้นไทยช่วง 29 ก.ย.- 1 ต.ค. มีแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,645 และ 1,655 จุด ตามลำดับ ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (29 ก.ย.) ความชัดเจนเกี่ยวกับแผนเปิดประเทศ สถานการณ์โควิด ทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนสถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนี PCE/Core PCE เดือนส.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย. ตลอดจนจีดีพีไตรมาส 2/64 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ข้อมูลดัชนี PMI เดือนก.ย.ของจีน ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ของญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.ของญี่ปุ่นและยูโรโซน
แนวโน้มบาทอ่อน : แบงก์กสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทช่วง สัปดาห์หน้า มีกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามเช่นเดียวกับปัจจัยหุ้นด้านบน
ทองไทยนิ่ง : ราคาขายทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ที่ปิดตลาดช่วงเช้า 26 ก.ย.ของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้น +7.41 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+0.43%) ปิดที่ 1,750.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของสัปดาห์ก่อน ขณะที่ ราคาทองไทยในไทย สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเมื่อ 25 ก.ย. เพียงครั้งเดียว เป็นราคาเดียวกับราคาปิดวันก่อน กำหนดราคาซื้อทองคำแท่ง บาทละ 27,650 บาท ขาย 27,750 บาท ขณะที่ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ 27,151.56 บาท และขาย 28,250 บาท
น้ำมันดิบขยับขึ้น : ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้ายังอยู่ขยับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ต.ค.เช้านี้ ปิดตลาด +0.68 ดอลลาร์/บาร์เรล (+0.93%) ปิดที่ 73.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาซื้อข่ายล่วงหน้าของน้ำมันเบรนท์ ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดตลาด +0.80 ดอลลาร์/บาร์เรล (+1.04%) ก็ปิดที่ 78.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้ง 2 ชนิดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของสัปดาห์ก่อน ส่วนแนวโน้มราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จในรูปในไทยน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดโลก
แข่งกันลงพื้นที่ : นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามสถานการณ์ แผนบริหารจัดการน้ำ โดยจะลงพื้นที่จ.สุโขทัย 26 ก.ย.และ 29 ก.ย.ลงพื้นที่จ.ชัยภูมิ โดย 30 ก.ย. จะข้ามไปลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ขณะที่ 29 ก.ย.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ หน.พปชร. จะลงพื้นที่จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมที่นายกฯเคยคิดจะไป แต่เปลี่ยนใจไป จ.ชัยภูมิแทน ทั้งยังถูกเชิญจาก ส.ส.ให้ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น 30 ก.ย.นี้อีก ด้าน นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาฯ พปชร. ระบุ มีการประสาน ส.ส.ภาคเหนือตอนล่างและโดยรอบ จ.สุโขทัย รวมกว่า 20 คน เพื่อร่วมลงพื้นที่กับนายกรัฐมนตรี
2 ป.จบแล้ว! : นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล ระบุ การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่การเช็ควัดกำลังภายใน พปชร. แต่เพื่อต้องการช่วยเหลือและรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะมีส.ส.ในพื้น หรือส.ส.พื้นที่ใกล้เคียงเดินทางมาพบ และนำปัญหาของชาวบ้านมาสะท้อนให้นายกฯ รับฟัง เพื่อรัฐบาลจะได้เร่งดำเนินการแก้ไขให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ นายกฯพูดเสมอว่าไม่มีปัญหาขัดแย้งอะไรทั้งสิ้นกับพล.อ.ประวิตร พร้อมขอให้จบเรื่องนี้ได้แล้วในวันนี้
หนี้ 3 ชั่วโคตร : นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.เพื่อไทย ชี้ผลงานกู้เงินของรัฐบาลประยุทธ์ ไม่ช่วยให้ประเทศดีขึ้น กู้เงินมาแจกประชาชนแต่ไม่สามารถกระตุ้นกำลังซื้อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ จึงไม่เกิดประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจไทย ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน 2-3 ปีทีผ่านมา ไม่มีการลงทุนเพิ่ม ส่วนการลงทุนจากภาครัฐก็น้อยมาก รัฐไม่มีงบประมาณเพียงพอ เนื่องจากเก็บภาษีพลาดเป้า เชื่อว่าสิ้นปี 64 จะเก็บภาษีพลาดเป้า 3 แสนล. สะท้อนถึงการบริหารราชการที่ล้มเหลวทุกด้าน และยังสร้างหนี้ให้คนไทยอีกราว 12 ล.ล. ต้องใช้หนี้กว่า 3 ชั่วอายุหรือไม่ต่ำกว่า 100 ปี
8 ด.ส่งออกเกินดุล : นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เผยยอดส่งออกส.ค.64 มีมูลค่า 21,976.23 ล.เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.93% ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน เพราะพิษโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์ และบาง รง.ผลิตบางแห่งปิด หรือปิดบางส่วน ระบบโลจิสติกส์มีปัญหาติดขัด ส่วนยอดรวม 8 ด. มีมูลค่า 176,961.71 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.25% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4% ขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 23,191.89 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 47.92% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าวัตถุดิบสูงถึง 65.73% จะเป็นผลดีต่อการส่งออกในอนาคต และยอดรวม 8 ด. มีมูลค่า 175,554.75 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.97% เกินดุลการค้า 1,406.96 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทวนสิทธิรับเยียวยา : นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการ สปส. ระบุ ช่วง ส.ค.- ก.ย.64 ได้จัดทำโครงการเยียวยานายจ้าง ผู้ประกันตน ม.33 ม. 39 และ ม.40 ใน 29 จ.สีแดงเข้ม โดยโอนเงินเยียวยาช่วยเหลือนายจ้าง และผู้ประตนทั้ง 3 มาตรา ไปแล้วกว่า 8 หมื่นล. แต่ยังพบว่ามีนายจ้างฯ ที่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขโครงการฯ แต่ยังไม่ได้สิทธิรับเงินเยียวยา เนื่องจากไม่สามารถโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีได้ จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ทาง สปส.จะเปิดช่องผู้ประกันตนทุกมาตรา ยื่นทบทวนสิทธิรับเยียวยา ส่งเอกสารทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ถึง 31 ต.ค.นี้