สรุปข่าวประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2564
หุ้นไทยสัปดาห์หน้า : บล.กสิกรไทย คาดดัชนีหุ้นไทยช่วง 23-27 ส.ค. มีแนวรับที่ 1,513 และ 1,500 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,540 และ 1,555 จุด ตามลำดับ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเมืองภายในประเทศ ตลอดจนการประชุมประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนส.ค. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนีราคา PCE/Core PCE Price Index เดือน ก.ค. ตลอดจนจีดีพีไตรมาส 2/64 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ อื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนส.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน สำหรับหุ้นไทยสัปดาห์ก่อน ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,553.18 จุด เพิ่มขึ้น 1.63% มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 80,548.25 ล้านบาท ลดลง 3.33% จากสัปดาห์ก่อนหน้า.
น้ำมันดิบยังลง : ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้ายังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ก.ย.เช้านี้ (21) ปิดลบ -1.64 ดอลลาร์/บาร์เรล (-2.58%) ปิดที่ 61.86 ดอลลาร์/บาร์เรล เช่นกัน สัญญาซื้อข่ายล่วงหน้าของน้ำมันเบรนท์ ส่งมอบเดือน ต.ค. -1.48 ดอลลาร์/บาร์เรล (-2.23%) ก็ปิดที่ 64.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ทว่าสัญญาณขาลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จะสะท้อนราคาน้ำมันขายปลีกในไทย ได้อย่างสากลหรือไม่ แม้ว่าเมื่อวานนี้ 2 เจ้าใหญ่ได้ปรับลดไปแล้ว 60 ส.ต. เนื่องจากมีปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ จากผลกระทบโควิดฯเข้ามาเกี่ยวข้อง.
ทองในไทยนิ่ง : ราคาขายทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ที่ปิดตลาดช่วงเช้า 22 ส.ค.ของไทย ขยับขึ้นเล็กน้อยที่ +0.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+0.04%) ปิดที่ 1,781.12 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ราคาทองไทยในไทย สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเมื่อ 21 ส.ค. เพียงครั้งเดียว และเป็นราคาเดียวกับราคาปิดวันก่อน กำหนดราคาซื้อทองคำแท่ง บาทละ 28,050 บาท ขาย 28,150 บาท ขณะที่ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ 27,545.72 บาท และขาย 28,650 บาท.
ค่าบาทสัปดาห์หน้า : แบงก์กสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทช่วง สัปดาห์หน้า (21-27 ส.ค.64) มีกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ ค่าเงินบาทเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 33.36 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตาม เช่นเดียวกับข้อมูลหุ้นสัปดาห์หน้าด้านบน
กำลังใจชนะโควิด : นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความหลังเดินทางไปตรวจเยี่ยม รพ.สนาม พระมงกุฎเกล้า และรพ.สนาม แสงแห่งใจ ที่ จ.สมุทรปราการ ว่า รพ.พระมงกุฎเกล้า ได้ปรับใช้ลานจอดรถฯ เป็นรพ.สนามเพิ่มอีก 100 เตียง ส่วน รพ.สนามแสงแห่งใจ แม้เปิดได้ไม่นานนี้ แต่มีจัดระบบ อุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย และการรักษาสุขลักษณะที่ทำได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ ตนมีกำลังใจและมีความหวังว่าเราจะเอาชนะโรคร้ายได้ในที่สุด ขอเพียงเราคนไทยสามัคคีกัน จะเกิดพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน.
คนแก่ตายเยอะ : ศบค. สรุปตัวเลขผู้ป่วยโควิดฯ 10 จ.ที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ 4,342 ราย สมุทรปราการ 1,584 ราย สมุทรสาคร 1,449 ราย ชลบุรี 1,235 ราย นครราชสีมา 613 ราย นครปฐม 589 ราย ฉะเชิงเทรา 587 ราย ราชบุรี 541 ราย บุรีรัมย์ 450 ราย กาญจนบุรี 436 ราย สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิต 21 ส.ค. พบมี 261 ราย เป็นผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นมากถึง 175 ราย อายุน้อยกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 55 ราย ไม่มีโรคเรื้อรัง 30 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิต มีหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และเสียชีวตที่บ้าน ระหว่างนำส่งรพ. 4 ราย ในกรุงเทพฯ.
อวยวัคซีนจีน : นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุ แนวโน้มผู้ติดเชื้อจะไม่พุ่งทะยาน โดยจะอยู่ที่ 2 หมื่นกว่าราย ซึ่งกรุงเทพฯและปริมณฑล พบผู้ติดเชื้อตอนนี้ตกวันละ 8 พันกว่าราย คิดเป็น 42% ส่วนผลการศึกษาประสิทธิผลวัคซีน ช่วง 3-4 เดือน พบฉีดวัคซีนซิโนแวค 1 เข็ม ป้องกันการเสียชีวิต 72% ขณะที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม จากข้อมูลต่างประเทศสามารถป้องกันการป่วยและเสียชีวิตได้ 80% ส่วนผลการศึกษาในไทย พ.ค.-ก.ค. พบสูงกว่า 80% แต่ควรต้องฉีดให้ครบ 2 เข็ม.
ปีหน้า 120 ล.โดส : อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุ ฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุกรุงเทพฯ 94% ปทุมธานี 63% คาด ส.ค.นี้ จะใกล้เคียงหรือเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะขณะนี้ ได้นำเข้าวัคซีน 30 ล.โดส และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง สธ.เจรจากับแอสตร้าเซนเนก้า โดยมีแผนจะนำเข้าอีก 7.2 ล.โดสช่วง ก.ย.นี้ ทั้งนี้ ในปี 65 จำเป็นต้องหาวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อฉีดในกลุ่มเด็กและกลุ่มบูสเตอร์โดส (เข็ม 3) ซึ่ง คกก.วัคซีนแห่งชาติ เสนอ ศบค. ต้องนำเข้าอย่างน้อย 120 ล.โดส.
เพนกวินยังดีอยู่ : โฆษกกรมราชทัณฑ์ ระบุ 4 แกนนำผู้ชุมนุมฯ “เพนกวิน – ฟ้า – สิริชัย – แซมสาแมท” ที่ถูกคุมขัง และติดโควิดฯ จนส่งไปรักษาที่ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ โดยเฉพาะเพนกวิน รู้สึกตัวดีพูดคุยรู้เรื่อง เดินเองช่วยเหลือตนเองและเข้าห้องน้ำเองได้ ไม่มีไข้ ไม่มีหอบเหนื่อย อาการไอลดลง นอนหลับได้ปกติ สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ แพทย์ให้การรักษาตามอาการ ร่วมด้วยกับ ยาพ่นโรคประจำตัว.
ทุจริตโควิด : นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.เพื่อไทย ระบุความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรมต. โดยแบ่ง 3 กลุ่มอภิปราย คือ กลุ่มโควิด-19 กลุ่มปล่อยปละละเลย และกลุ่มทุจริต ซึ่งในสภาวะที่สถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอย่างนี้ แต่มีไอ้โม่งลักลอบใช้สถานการณ์โควิด-19 แอบทำทุจริตและไม่มีใครตรวจสอบ โดยตนได้รับมอบหมายให้อภิปรายในเรื่องการทุจริตครั้งนี้.