กสิกรฯทุ่ม 8 พันล.ตั้ง”เควิชั่น”รุก AEC+3
กสิกรไทยรุกหนัก! ตลาด AEC+3 จ่อขยายธุรกิจผ่านรูปแบบดิจิตอล เทคโนโลยี ประกาศทุ่มงบ 8 พันล้านบาท เปิดตัว “เควิชั่น” วางตัวเป็นหัวหอกร่วมลงทุนและแสวงหาดิจิทัล เทคโนโลยีชั้นนำจากทั่วโลก หวังต่อยอดธุรกิจธนาคารในภูมิภาคนี้ ดันสู่ความเป็น Regional Life Platform of Choice รองรับกลุ่มลูกค้าใหม่จำนวนมหาศาลในอนาคต
นายภัทรพงศ์ กันหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารฯได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด หรือ เควิชั่น (KASIKORN VISION COMPANY LIMITED : KVision) โดยมีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่การเป็น “ไลฟ์ แพลตฟอร์ม” ของลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั่วภูมิภาค AEC+3 ผ่านช่องทางดิจิตอล และโมบาย โซลูชั่น โดยมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัล เทคโนโลยี ใบห้ก้าวขึ้นสู่ระดับภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถและเสริมทัพด้านดิจิทัล เทคโนโลยีให้กับธนาคารฯ โดยเควิชั่น จะมีฐานะเป็น Investment Holding Company ภายใต้เครือธนาคารกสิกรไทย เข้าไปเสาะหาและร่วมพัฒนาความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยีใหม่ๆ กับเทคคอมมูนิตี้ หรือบุคลากรผู้เชียวชาญด้านเทคโนโลยีจากทั่วทุกมุมโลก
โดยการดำเนินการระยะแรก จะมุ่งเป้าไปที่การสร้างฐานรากก่อน โดยการตั้ง “บิสซิเนส อินโนเวชั่น สเก๊าท์ติ้ง” เพื่อเข้าไปค้นหาพันธมิตรในกลุ่มประเทศที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยี ซึ่งมีการพัฒนาและนำใช้กับผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ ก่อนใน 4 ประเทศ คือ 1.จีน ที่ปัจจุบันมีจำนวน Fin-Tech Unicorns หรือบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ แซงหน้าสหรัฐอเมริกาไปแล้ว2.เวียดนาม 3.อินโดนีเซีย ซึ่งทั้ง 2 ประเทศ ถือเป็นประเทศที่มีการเติบโตของ “เทค สตาร์ทอัพ” เป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่ม AEC+3 และ 4.อิสราเอล ที่เป็นจุดกำเนิดเทคโนโลยีใหม่และเป็นแหล่งรวมของบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
“หลังจากที่บิสซิเนส อินโนเวชั่น สเก๊าท์ติ้ง เข้าไปเรียนรู้และค้นหาพันธมิตรที่มีศักยภาพได้แล้ว เควิชั่นก็จะศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุน ทั้งรูปแบบการเข้าถือหุ้นโดยตรง หรือการลุงทุนผ่านกองทุน Beacon Venture Capital Fund ที่มีการเพิ่มเม็ดเงินลงทุน เพื่อเตรียมให้ความสนับสนุนด้านเงินทุนในการทำธุรกิจแก่ “เทค สตาร์ทอัพ” ที่มีศักยภาพและมีเทคโนโลยีที่อยู่ในช่วงกำลังพัฒนา แต่มีความน่าสนใจ และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ทางธุรกิจของธนาคารฯ โดยนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาปรับใช้และยกระดับบริการของธนาคารฯ ทั้งในไทยและใน AEC+3″ นายภัทรพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ การก่อตั้งเควิชั่นจะทำให้ธนาคารฯได้เปรียบเรื่องความคล่องตัวในการนำดิจิตอล โซลูชั่นส์ต่างๆมาให้บริการแก่ลูกค้า สามารถย่นระยะเวลาในการพัฒนาบริการอย่างก้าวกระโดด นำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังยกระดับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของธนาคารฯจากการเรียนรู้และปฏิบัติจริงที่ได้จากร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญในการสร้างนวัตกรรมในระดับนานาชาติที่จะเข้ามาร่วมงานกับเครือธนาคารกสิกรไทย
นายภัทรพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งธุรกิจธนาคารที่จากนี้ไปจะไม่ได้แข่งกับธนาคารกันเองอีกต่อไป จึงจำเป็นต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อยกระดับบริการและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่การเป็น “ไลฟ์ แพลตฟอร์ม” ในรูปแบบ “คนรู้ใจ” ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวันอันหลากหลายของทุกคน ทุกที่ และทุกเวลาโดยที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการใหม่ๆ ที่ต่างไปจากกรอบเดิมๆ
โดยตั้งเป้าเป็นอันดับหนึ่งของภูมิภาคในอนาคตอย่างแท้จริง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีเป้าหมายชัดเจนในก้าวออกสู่เวทีการแข่งขันด้านดิจิตอลในระดับโลก เพื่อมุ่งพัฒนาศักยภาพและแสวงหาเทคโนโลยีชั้นนำมารองรับการขยายบริการธนาคารยุคใหม่ การก่อตั้ง เควิชั่น จะช่วยให้ธนาคารฯสามารถพัฒนาและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ กับพันธมิตร และก้าวไปยืนอยู่ในระดับแถวหน้าของดิจิทัล เทคโนโลยีที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในทุกแพลตฟอร์มในระดับภูมิภาคได้ ผ่านเทคโนโลยี APIs (Application Programming Interface) ที่ให้พันธมิตรทางธุรกิจนำสินค้าและบริการต่างๆ มาเชื่อมต่อกับบริการของธนาคารฯได้อย่างไร้รอยต่อ.