สรรพากรขยาย ม.ภาษีอัพบุคลากร หนุนต่างชาติย้ายฐานผลิต
กรมสรรพากรชง ครม. ขออนุมัติขยายเวลามาตรการภาษีพัฒนาบุคลากร รองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ตั้งเป้าหนุนการลงทุนและการพัฒนาในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ให้เป็นไปตามเป้าหมายในยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ สนับสนุนการเพิ่มผลิตภาพและการเตรียมกำลังคนสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายหลังจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คลี่คลายลง
ดังนั้น จึงได้เสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่. …) พ.ศ. …. (ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 และมาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package)) เมื่อวันที่25 พฤษภาคม 2564 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หักรายจ่ายทรัพย์สินที่บริจาคให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษาของรัฐ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบได้ 3 เท่า
และ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริจาคทรัพย์สิน โดยต้องไม่นำต้นทุนของทรัพย์สินไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
2.มาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package) โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 สำหรับรายจ่ายดังต่อไปนี้
2.1 รายจ่ายสำหรับการลงทุนในระบบอัตโนมัติหักได้ 2 เท่า
2.2 รายจ่ายสำหรับการจ้างงานบุคลากรผู้มีทักษะสูงหักได้ 1.5 เท่า
2.3 รายจ่ายสำหรับการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูงหักได้ 2.5 เท่า
“การขยายระยะเวลามาตรการภาษีในครั้งนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรของประเทศให้มีทักษะสูงพร้อมสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 และอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) และรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ ส่งเสริมให้เกิดการลงทุน ในระบบอัตโนมัติในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรวมทั้งการจ้างงานบุคลากรผู้มีทักษะสูง และเมื่อสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คลี่คลายลง จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง” อธิบดีกรมสรรพากร ระบุ
ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161.