KTC ชี้คนใกล้ตัวเสี่ยงสุดปมสูญเงิน
เคทีซีจัดเสวนา “รู้เท่าทันความเสี่ยงในการชำระทางอิเล็กทรอนิกส์และออนไลน์” เผยพบคนใกล้ตัวแอบเอาบัตรไปรูดใช้มากสุด แนะเลือกใช้ช่องทางที่เสี่ยงต่ำ เชื่อทุกความเสี่ยงป้องกันได้
บมจ.บัตรกรุงไทย (เคทีซี) จัดเวทีเสวนา KTC FIT Talks หัวข้อ “รู้เท่าทันความเสี่ยงในการชำระทางอิเล็กทรอนิกส์และออนไลน์” โดยนายวิรัช ไพสิฐเศวต รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส – ปฏิบัติการ กล่าวว่า การเติบโตของการชำระเงินผ่านช่องทางใหม่ๆ เติบโตและมีความหลากหลายมากขึ้น จำเป็นที่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะร้านค้าและผู้บริโภคต้องทำความเข้าใจและเลือกใช้ช่องทางที่มีความเสี่ยงต่ำสุด เพราะแต่ละช่องทางของการชำระทางอิเล็กทรอนิกส์และออนไลน์ ย่อมมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ทุกโอกาสก็มีปัญหาซ่อนอยู่ แต่ยืนยันว่าความเสี่ยงจากการทำธุรกรรมในยุคดิจิตัลสามารถวางแผนป้องกันได้
นายสมชัย เบญจมโภไคย ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – อนุมัติสินเชื่อ กล่าวว่า เคทีซีมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อและการทำบัตรเครดิต เพื่อลดความเสี่ยงจากการดำเนินงาน โดยพิจารณาจากข้อมูลของลูกค้าอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนของลูกค้า (การทำ KYC) ก็เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเฝ้าระวังความเสี่ยง ทั้งนี้แม้ธนาคารจะตรวจเช็คข้อมูลละเอียดมากเท่าใด แต่เนื่องจากปริมาณการขอสินเชื่อและทำบัตรเครดิตที่มีมาก อาจทำให้เกิดการพิจารณาที่ไม่รอบคอบขึ้นได้บ้าง แต่ธนาคารก็มีมาตรการอื่นๆ ป้องกันตามมา
สำหรับการตรวจเช็คข้อเครดิตที่เคทีซีอยากให้ลูกค้า ทั้งในส่วนของร้านค้าและผู้บริโภคดำเนินการอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งนั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่ต้องการจับผิด เพียงแต่อยากให้ข้อมูลของลูกค้าถูกต้องและมีการปรับเปลี่ยนเพื่อป้องกันปัญหาการขโมยข้อมูลเอาไปใช้หาประโยชน์จากกลุ่มมิจฉาชีพที่อาจมีกลวิธีหลอกลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลส่วนตัวและบัตรเครดิตของลูกค้ามากกว่า
ด้านนายไรวินทร์ วรวงษ์สถิตย์ ผู้อำนวยการ – อนุมัติวงเงินและป้องกันความเสี่ยง กล่าวว่า เคทีซีใช้มาตรการในการป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่มีอยู่ในปัจจุบันและจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อเกิดประสิทธิภาพและได้ประสิทธิผลทั้งนี้ เชื่อว่าเมืองไทยจะเปลี่ยนจากการใช้พินและชิปมาเป็นการใช้โมบายแอพ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นจากการปลอมแปลงข้อมูลของลูกค้าลงได้บ้าง แต่เนื่องจากในต่างประเทศหลายแห่งยังคงใช้ระบบเก่าอยู่ จำเป็นที่ลูกค้าต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันปัญหาที่อาจมีตามมา
“กระบวนการที่เคทีซีและสถาบันการเงินทั่วไปมักนำมาใช้ป้องกันปัญหา คือ การสร้างทีมบุคลากรที่มีศักยภาพ ตรวจสอบการทุจริตตลอดเวลา 24*7 (24 ชม.ตลอดทั้งสัปดาห์) ใช้กระบวนการปฏิบัติงานที่มีมาตรฐาน แต่ยืดหยุ่น มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีการบริหารจัดการข้อมูลจากภายในและภายนอก รวมถึงข้อมูลจากต่างประเทศ โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ นำสู่การปฏิบัติอย่างเหมาะสม”
นายไรวินทร์กล่าวว่า จากการศึกกรณีตัวอย่างพบว่า คนใกล้ตัวมักเป็นผู้นำบัตรเครดิตไปใช้ หรือไม่ก็ถูกขโมยนำไปใช้รวมถึงถูกล้วงกระเป๋าในต่างแดน และถูกแคชเชียร์ที่ลูกค้าเคยรูดบัตร ด้วยการแอบนำบัตรลูกค้าไปใช้ นอกจากนี้ ยังมีการปลอมบัตรและนำไปใช้ในต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ ด้วยการใช้อย่างระมัดระวัง ไม่วางกระเป๋าเงินทิ้งไว้ ไม่เขียนรหัสไว้ที่หลังบัตรเดบิต เลือกใช้ตู้เอทีเอ็มในทำเลที่น่าเชื่อถือ รวมถึงไม่พยายามสแกนคิวอาร์โคดพร่ำเพรื่อ เลือกสแกนเฉพาะร้านที่ตรวจเช็คได้ว่ามีการรับและจ่ายเงินจริง รวมถึงไม่ร่วมกิจกรรมลดแลกแจกแถมที่ให้ส่วนลดมากเกินความเป็นจริง เป็นต้น
อนึ่ง เคทีซี เพิ่งได้รับรับมอบรางวัล “สุดยอดองค์กรด้านความปลอดภัยประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” จากวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ที่คัดเลือกสถาบันการเงินที่ให้บริการรับชำระเงินในเครือข่ายของวีซ่าฯ มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม มีศักยภาพในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีและมีประสิทธิภาพ มีความแข็งแกร่งในการปฏิบัติงาน รวมทั้งให้ความร่วมมือในการบริหารความเสี่ยงด้านต่างๆ และมีความเป็นผู้นำในด้านดิจิทัล.