กสิกรล้ำหน้าใช้ Ai ปล่อยกู้ SMEs
กสิกรไทยดึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมทางการเงิน ก่อนพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าเอสเอ็มอี เชื่อแม่นยำ ลดขั้นตอน แถมเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน ย้ำนี่คือเทร็นด์ของสินเชื่ออื่นๆ ในอนาคต ตั้งเป้าปล่อยกู้ลูกค้าล็อตแรก 6 พันราย วงเงิน 3 พันล้านบาท
นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารได้นำนวัตกรรมการปล่อยสินเชื่อรูปแบบใหม่มาใช้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผ่านการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้า อาทิ เงินฝาก การใช้เครดิต ข้อมูลจากแอพพลิเคชั่น K PLUS ฯลฯ เพื่อประเมินความต้องการทางการเงินและนำเสนอสินเชื่อว่าควรต้องให้ใคร ให้เมื่อไหร่ และให้เท่าไหร่
“ที่ผ่านมาการขอสินเชื่อของเอสเอ็มอี มักประสบปัญหามากมาย ทั้งจากตัวเอสเอ็มอีเอง และจากเจ้าหน้าที่ของธนาคาร เนื่องจากขั้นตอนดำเนินงานมีเยอะ การขาดข้อมูลทางการเงินของลูกค้า ขณะที่ลูกค้าก็ไม่มีหลักประกันที่ดีพอและไม่มีการวางแผนทางการเงิน จึงทำให้เอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ธนาคารจึงเริ่มโครงการนี้ตั้งแต่กลางเดือนที่ผ่านมา โดยทดลองยื่นข้อเสนอสินเชื่อผ่านโทรศัพท์มือถือไปยังลูกค้าจำนวน 1,000 ราย ซึ่งได้ผลตอบรับมาเป็นอย่างดี”
นายสุรัตน์กล่าวว่า จากฐานข้อมูลที่ธนาคารมีทั้งจากบัญชีออมทรัพย์ราว 10 ล้านบัญชี และจากผู้ใช้บริการ K PLUS อีกกว่า 8.5 ล้านราย ทำให้ประเมินได้ว่าควรจะปล่อยสินเชื่อให้กับใคร เบื้องต้นธนาคารตั้งเป้าไว้ว่าช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีผ่านเมนู Life PLUS บนแอพพลิเคชั่น K PLUS ทั้งสิ้น 6,000 ราย คิดเป็นวงเงิน 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR+3 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นอัตราต่ำมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อส่วนบุคคลอื่นๆ เนื่องจากสินเชื่อประเภทนี้ ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อีกทั้งใช้ระยะเวลาในการพิจารณาไม่นาน และหากระบบ AI พิจารณาให้ผ่าน ลูกค้าสามารถรับวงเงินสินเชื่อไม่เกิน1 ล้านบาทภายในเวลาไม่กี่นาที
“การเสนอสินเชื่อดังกล่าวถือเป็นการพลิกโฉมการให้สินเชื่อเอสเอ็มอีของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย เราเป็นรายแรกที่นำระบบนี้มาใช้ เพราะเชื่อว่าจากนี้แนวโม้นการให้สินเชื่อจะเป็นไปในทิศทางนี้ และเมื่อธนาคารมีฐานข้อมูลของลูกค้าเยอะ AI ก็จะช่วยขยายกลุ่มลูกค้าอื่นๆ ให้กับธนาคารได้”
ข้อดีของการให้สินเชื่อผ่านโทรศัพท์มือนั้น นายสุรัตน์ ย้ำว่า ไม่เพียงลดขั้นตอนการขอสินเชื่อ หากยังทำให้ลูกค้าได้เงินเพียงพอในเวลาที่ต้องการ โดยไม่เสียโอกาสทางธุรกิจ และหากมีการเดินบัญชีสม่ำเสมอ และมีวินัยทางการเงิน ธนาคารก็อาจเพิ่มวงเงินสินเชื่อมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีการผิดนัดชำระ ธนาคารจำเป็นต้องใช้ระบบการทวงถามโดยผ่านเจ้าหน้าที่ของธนาคารต่อไป
ส่วนเอสเอ็มอีที่อาจยังไม่ต้องการสินเชื่อตอนนี้ ธนาคารมีทางเลือก 2 ทาง คือ 1.คงวงเงินสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอีรายนั้นเอาไว้ รอจนกว่าจะพร้อมใช้วงเงินสินเชื่อนั้น หรือ 2.พัฒนาระบบที่จะทำให้เอสเอ็มอีสามารถแสดงความจำนงขอรับสินเชื่อครั้งใหม่ ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาทำการศึกษาในระยะหนึ่ง.