รัฐทุ่มงบ1.5 แสนล้านกระตุ้นรากหญ้า
ครม.อัดฉีดงบกลางปี 1.5 แสนลบ.เดินหน้าผลักดันโครงการไทยนิยมยั่งยืนในมิ.ย.นี้ ด้านกระทรวงการคลังมั่นใจโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฟสที่ 2 ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2561 เห็นชอบให้หลายกระทรวงร่วมกันเดินหน้าผลักดันโครงการ “ไทยนิยมยั่งยืน” โดยใช้งบกลางปีวงเงิน 150,000 ล้านบาท หลังจาก พ.ร.บ.งบกลางปี2561 มีผลบังคับใช้แล้ว 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกหน่วยงานร่วมกันเดินหน้าโครงการอัดฉีดเงินผ่านทุกโครงการของทุกหน่วยงานภายในเดือนมิ.ย.นี้
” ตอนนี้จัดสรรงบไปรอไว้แล้ว รอเสนอโครงการเข้ามาพิจารณาเท่านั้น ถ้าโครงการไหนได้รับอนุมัติก็สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในเดือนมิ.ย.ทันที “ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้ลงไปสำรวจข้อมูลเพื่อให้เข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน โดยเตรียมจัดทำการสร้างอาชีพ เติมความรู้ไว้ 20,000 โครงการ เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิต เช่น สร้างถนนชุมชน การท่องเที่ยวชุมชน พัฒนาน้ำประปาหมู่บ้าน สินค้าโอทอป ได้รับจัดสรรวงเงิน 9,000 ล้านบาท
” ประชาชนไม่ต้องรู้ว่าเงินมาจากไหน แต่อยากให้รู้ว่ารัฐบาลต้องการให้ประชาชนมีรายได้ แต่ไม่ใช่การเอาปลาไปแจก แต่เอาเบ็ดไปแจกให้หาปลา ทั้งนี้ ประชาชนทุกคนคงได้ผลไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคล “ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนพัฒนาอาชีพ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 จำนวน 7.2 ล้านคน พร้อมจ่ายเงินเข้าบัตรเพิ่มให้จำนวน 1,200 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 24,000 ล้านบาทต่อปี และยังจ่ายเบี้ยฝึกอบรมเตรียมนำชาวบ้านมาฝึกอบรมอาชีพ ช่างไฟฟ้า ประปา สร้างอาชีพเสริม เติมความรู้ใหม่ หากต้องการเป็นเถ้าแก่ กระทรวงพาณิชย์ แบงก์ออมสิน พร้อมอุดหนุนผ่านแฟรนไชส์ คาดว่าจะยกระดับกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี ให้พ้นเส้นความยากจนสัดส่วนร้อยละ 30 ของกลุ่มผู้ลงทะเบียน จะติดตามวัดผลผ่าน KPI ของกลุ่มเป้าหมายหลังฝึกอบรม โดยมองว่าเมื่อจีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวร้อยละ 4.8 จะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนทั้งรายได้ การขายสินค้าไปสู่ชุมชนได้ผลดีมากขึ้น
” ตั้งเป้าให้มีผู้พ้นขีดความยากจนสัก 20-30% ภายในหนึ่งปี แต่ในใจคิดไว้ว่าให้ได้สัก 50% ” นายอภิศักดิ์ กล่าว
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้รับจัดสรรงบประมาณ 24,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการ 21 โครงการ หลังได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากชาวบ้าน จึงมุ่งนำมาพัฒนาอาชีพ ทั้งด้านพืช สัตว์ ประมง อุดหนุนผ่านสหกรณ์ 207 แห่ง เน้นการตลาดนำการผลิต 1,700 ล้านบาท ได้แก่ การสร้างไซโล ลานตาก ห้องเย็น เพื่อเก็บสต๊อกสินค้าเกษตร การพัฒนาแหล่งน้ำ การนำเกษตรกร 2.1 ล้านคนมาเติมความรู้ อบรม 3-7 วัน จ่ายเบี้ยเลี้ยง 1,200 บาทต่อวัน คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อชุมชนได้ถึง 53,000 ล้านบาท
นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้รับจัดสรรงบ ประมาณ 20,000 ล้านบาท จัดสรรให้ 300,000 บาทต่อกองทุน จำนวน 79,000 กองทุน สัปดาห์หน้าจะเริ่มให้กองทุนหมู่บ้านส่งคำขออนุมัติ และทยอยในช่วงเดือนมิถุนายน เพื่อดูแลสมาชิกองทุนหมู่บ้าน ทั้งสร้างอาชีพ เงินทุนหมุนเวียนให้กับชาวบ้าน การดูแลสวัสดิการในชุมชน
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการจัดทำแผงโซล่าเซลล์สำหรับสูบน้ำบาดาลให้กับชุมชน ให้มีน้ำรดต้นไม้ พืชสวนในพื้นที่ห่างไกล เพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกร ทั้งหมด 5,000 ชุด วงเงิน 3,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถใช้งานได้นานราว 10 ปี และพร้อมส่งเสริมเกษตรกรหากต้องการติดตั้งแผงโซล่าเซลส์เพื่อการเกษตรเพิ่มเติม
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากหลายหน่วยงานได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากชาวบ้าน และความต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ หลังจากนี้ไปหลายหน่วยงานจะร่วมกับจัดเก็บฐานข้อมูลผ่านระบบ BigData เพื่อร่วมกันช่วยเหลือสวัสดิการให้ตรงกับพื้นที่และความต้องการของประชาชน ทั้งไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ การใช้จ่ายผ่านร้านธงฟ้าของผู้มีบัตรสวัสดิการ ตามความจำเป็นพื้นฐาน และทำให้ร้านค้าชุมชนมีรายได้.