BBL ไตรมาสแรกปี 63 กำไรสุทธิ 7,671ล้านบาท
ธนาคารกรุงเทพรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิ 7,671ล้านบาท ลดลง 15.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุตั้งสำรองเพิ่มขึ้นและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในไตรมาส 1/2563 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 7,671ล้านบาท ลดลง 15.0% จากไตรมาส1/2562 ที่มีกำไรสุทธิ 9,028 ล้านบาท
ฐานะการเงินและเงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 อย่างไรก็ตามมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2,627 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อและการเปลี่ยนแปลงการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อโดยใช้วิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง และการปรับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศลดอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจากร้อยละ 0.46 ต่อปี เป็นร้อยละ 0.23 ต่อปีเป็นการชั่วคราวในช่วงปี2563 ถึง 2564 เพื่อให้สถาบันการเงินไปปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มเติมให้กับประชาชนและภาคธุรกิจต่อไป
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง ส่วนใหญ่จากกำไรสุทธิจากเงินลงทุนลดลง เนื่องจากไตรมาสก่อนมีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนจำนวน 14,988 ล้านบาทนอกจากนี้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง 4,611ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายที่สูงในไตรมาสก่อนซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล
สำหรับไตรมาสนี้ ธนาคารมีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 5,087ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน11,255ล้านบาท เนื่องจากไตรมาสก่อน ธนาคารมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเสริมสร้างระดับสำรองของธนาคารก่อนเริ่มใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน (TFRS 9)หากเทียบกับไตรมาส 1/2562ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารลดลง1,357 ล้านบาท โดยมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 3,754ล้านบาท
สาเหตุหลักจากไตรมาสนี้มีผลขาดทุนสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาดเงินและตลาดทุนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 1,521 ล้านบาท
โดยธนาคารและบริษัทย่อยได้นำมาตรฐานกลุ่มเครื่องมือทางการเงินฉบับใหม่ (ฉบับที่ 9) มาถือปฏิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป โดยไม่ปรับงบการเงินเปรียบเทียบย้อนหลัง.