TMB ร่วมหยุดเชื้อ เลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี63
บอร์ดทีเอ็มบีมีมติเลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2563 ปรับแผนไม่ให้กระทบสิทธิรับเงินปันผลหลังเลื่อนประชุมสามัญผู้ถือหุ้น
ทีเอ็มบีร่วมหยุดเชื้อลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 บอร์ดมีมติเลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ในวันที่ 29 เมษายน 2563 พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรปี 2562 ในวันที่ 24 เมษายนนี้ แทนแผนการจ่ายปันผลประจำปีที่เดิมเตรียมเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติ ตอกย้ำการให้ความสำคัญปกป้องสิทธิไม่ให้กระทบต่อผู้ถือหุ้น
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายภาครัฐภายใต้การประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ถือหุ้นและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ประชุมคณะกรรมการ ทีเอ็มบี เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 จึงมีมติอนุมัติยกเลิกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 จากเดิมในวันที่ 29 เมษายน 2563 ออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิในการรับเงินปันผลของผู้ถือหุ้น คณะกรรมการธนาคารจึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานปี 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้น แทนการจ่ายเงินปันผลประจำปีที่เดิมธนาคารมีแผนจะเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติ ทั้งนี้ ยังคงจ่ายในอัตราเดิมที่หุ้นละ 0.01 บาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 เมษายน 2563 นี้
ดังนั้น ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่จัดขึ้นในครั้งต่อไป จะไม่มีการเสนอขออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 อีก ซึ่งธนาคารจะพิจารณากำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่เหมาะสมใหม่อีกครั้งเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง และจะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงกำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นโดยเร็วต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินปี 2562 ธนาคารได้จ่ายไปแล้วครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 และครั้งที่สองที่จะจ่ายในวันที่ 24 เมษายน 2563 นี้ ในอัตราหุ้นละ 0.01 บาท รวมสองครั้งเป็นอัตราเงินปันผลรวม 0.04 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 3,100,960,016.83 บาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 43.7 ของกำไรสุทธิประจำปี 2562.