“วิจัยฯออมสิน” ชี้ไวรัสโควิด-19 ฉุดจีดีพีไทย -1%
ศูนย์วิจัยธนาคารออมสิน คาดผลกระทบจาก ไวรัส Covid-19 ทำนักท่องเที่ยวจีนหาย รายได้ลด ฉุด GDP ไทยลง -0.4% ถึง -1.0% ย้ำออมสินพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐ เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เผยแผนเต็มความช่วยเหลือ ส่งกระทรวงคลัง รอชงเรื่องให้ ครม.พิจารณาแล้ว
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผอ.ธนาคารออมสิน กล่าวว่า ศูนย์วิจัยธนาคารออมสินประเมินผลกระทบ จากไวรัส Covid-19 ที่มีต่อภาคเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของไทย ทั้งภาคการท่องเที่ยวของไทย และธุรกิจเกี่ยวเนื่องฯ เช่น ธุรกิจค้าปลีก ที่พักแรม ร้านอาหาร บริการขนส่ง ฯลฯ อีก และเชื่อมโยงไปถึงธุรกิจต้นน้ำ อาทิ ธุรกิจเกษตร ปศุสัตว์ ที่เป็นวัตถุดิบหรือสินค้าให้กับร้านค้าปลีก ร้านอาหาร และโรงแรมที่พักต่างๆ
โดยอิงข้อมูลสถิติจำนวนรายได้และค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยจากฐานข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อประมวลผลและคาดการณ์การลดลงของจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อนำไปพยากรณ์ผลกระทบที่จะมีต่อ GDP ของประเทศในด้านการผลิตหากรายได้จากการท่องเที่ยวมีการปรับตัวลดลง โดยแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 กรณี คือ
1.กรณีที่ทางการจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ได้ภายใน 3 เดือน คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะหายไปประมาณ 1.6 ล้านคน ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงกว่า 80,000 ล้านบาท ฉุดให้ GDP ของไทยในปี 2563 ลดลงร้อยละ -0.4
2.กรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสต่อเนื่องยาวไปจนถึง 6 เดือน คาดว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวจีน ที่หายไปกว่า 3.5 ล้านคน จะส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวของไทยลดลงไปกว่า 170,000 ล้านบาท ฉุดให้ GDP ของไทยในปี 2563 ลดลงร้อยละ -1.0
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยธนาคารออมสิน ได้ศึกษาเพิ่มเติมถึงผลกระทบจากการหดตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มี ต่อธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว พบว่านักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมใช้จ่าย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) การช้อปปิ้ง (ค้าปลีก) 2) ที่พักแรม 3) ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 4) การเดินทาง และ 5) การบันเทิง/สันทนาการต่างๆ ดังนั้น จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้จ่ายดังกล่าว โดยเฉพาะจังหวัดที่คนจีนนิยมท่องเที่ยว อาทิ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ สุราษฎร์ธานี และเชียงราย คาดว่ากลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก การที่รายได้นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงมากที่สุด 4 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจที่พักแรม ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจขนส่ง
โดยธุรกิจค้าปลีก คาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 25,000 – 54,000 ล้านบาท, ธุรกิจที่พักแรม/โรงแรม คาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 21,000 – 45,000 ล้านบาท, ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม คาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 16,000 – 34,000 ล้านบาท และธุรกิจขนส่ง คาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 7,500 – 16,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นอกจากผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการที่นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงแล้ว ยังมีผลกระทบเชื่อมโยงไปถึงธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเพาะปลูก ปศุสัตว์ทั้งโค สุกร และสัตว์ปีก ธุรกิจเชื้อเพลิง ธุรกิจเคมีภัณฑ์ ทั้งหมดอาจมีผลกระทบให้ GDP ปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์
ทั้งนี้ ภาครัฐได้เร่งออกมาตรการเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ได้รับผลกระทบ ผ่านมาตรการทางด้านการเงินและด้านการคลัง โดยในส่วนของธนาคารออมสิน ได้ออกมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระเงินกู้สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมปัญหาข้างต้น โดยจะต้องอยู่ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมถึงผู้ผลิตสินค้า และผู้ประกอบการขายส่งขายปลีกสินค้าให้นักท่องเที่ยว เป็นต้น เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ผอ.ธนาคารออมสิน ย้ำว่า ในส่วนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จะได้รับการการช่วยเหลือ คือ ลดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้ลง 20% ของดอกเบี้ยจ่าย เป็นระยะเวลา 1 ปี (คงเหลืออัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 4%), พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี โดยระหว่างพักชำระเงินต้นให้ชำระดอกเบี้ย 50% – 100% ตามความรุนแรงของผลกระทบ ทั้งนี้ ในส่วนดอกเบี้ยที่ค้างชำระหรือที่ชำระไม่ครบ ผ่อนปรนให้ชำระได้ภายหลังในระยะเวลาไม่เกิน 4 ปี รวมถึงขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 2 เท่าของระยะเวลาพักชำระเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 4 ปี
ด้านลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม จะได้รับการช่วยเหลือ คือ ลดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้ลง 10% ของดอกเบี้ยจ่ายเป็นระยะเวลา 1 ปี (คงเหลืออัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 4%), พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี โดยระหว่างพักชำระเงินต้นให้ชำระดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 100%, ขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกินระยะเวลาพักชำระเงินต้น
นอกจากนี้ ยังจะมีแนวทางช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกหลายมาตรการ ทั้งมาตรการเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และมาตรการช่วยเหลือพนักงาน/ลูกจ้างที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ผู้ค้ารายย่อยและอาชีพที่เกี่ยวข้อง
“รายละเอียดทั้งหมด ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลังเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี ซึ่งธนาคารออมสินยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือต่อไป” ดร.ชาติชาย กล่าว.