กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือ 30 ภาคีรัฐ เอกชน
กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือ 30 ภาคีรัฐ เอกชน สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา MOU บูรณาการขับเคลื่อน บ.อินโนสเปซ ไทยแลนด์ เพื่อร่วมพัฒนาระบบนิเวศสร้างสตาร์ทอัพไทย ยกระดับเศรษฐกิจประเทศภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยหลังพิธีลงนาม (MOU) กับภาคีเครือข่ายองค์กรภาครัฐ-เอกชน สถาบันการเงิน และสถาบันการศึกษา รวม 30 องค์กร เพื่อพัฒนาสตาร์ทอัพ (Startup) แบบครบวงจร ว่า การลงนามเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานบริษัทอินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มกลางในการพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นหรือ Startup แบบครบวงจรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติไทยแลนด์ 4.0 โดยคาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาร่วมทุนเพื่อจัดตั้งบริษัท อินโนสเปซฯ เดือนกรกฎาคม
ทั้งนี้ เบื้องต้นมีเอกชนที่แจ้งความพร้อมที่จะร่วมลงทุนแล้ว เช่น บมจ.ปตท. 100 ล้านบาท เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น 100 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 100 ล้านบาท บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ 100 ล้านบาท บมจ.ธนาคารกรุงเทพ 50 ล้านบาท บมจ.ไทยพาณิชย์ 50 ล้านบาท บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ 20 ล้านบาท บมจ.การบินกรุงเทพ 30 ล้านบาท เครือสหพัฒน์ 30 ล้านบาท บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป 30 ล้านบาท ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 30 ล้านบาท ซึ่งได้ร่วมลงนามในครั้งนี้ด้วย
สำหรับหน่วยงานที่ร่วมลงนามครั้งนี้ที่เหลือประกอบด้วย กสอ. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บ.เทคซอสมีเดีย บ.แบงคอกเวนเจอร์ส สมาคมไทยผู้ประกอบการธุรกิจเงินร่วมลงทุน สมาคม บ.จดทะเบียนไทย บมจ.ธนาคารกสิกรไทย บมจ.กรุงไทย สถาบันวิทยสิริเมธี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วงเงินที่จะระดมทุนมองไว้ 560 ล้านบาท แต่จะเรียกระดมเงินจริงๆ เบื้องต้น 1 ใน 4 ก่อน และมีเป้าหมายที่จะพัฒนาสตาร์ทอัพ 50 รายในปีนี้ และจะคัดไปจับคู่กับสตาร์ทอัพกับฮ่องกงในปลายปีนี้
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานที่ปรึกษา บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้ บ.อินโนสเปซฯ มีทุนจดทะเบียนแสนบาท และเตรียมที่จะเพิ่มทุนอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างจัดเตรียมสัญญาร่วมทุนที่คาดว่าจะลงนามได้ในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งระยะแรกการทำงานทาง กสอ.จะสนับสนุนสถานที่ บุคลากร และเครื่องไม้เครื่องมือบางส่วน จากนั้นจะมีสำนักงานดำเนินงานถาวรที่เขตนวัตกรรมพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EECi) วังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง
การระดมทุนมีเป้าหมายประเทศเป็นหลัก ไม่หวังผลตอบแทนทางการเงิน จะไม่มีการปันผลออกไปแต่จะนำมาสร้างระบบนิเวศและแพลตฟอร์ม ในการทำให้สตาร์ทอัพได้รับการดูแลให้เป็นธุรกิจได้จริงจัง จะมีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารที่เตรียมสรรหาผู้บริหารระดับสูง (CEO) ที่มีประสบการณ์การพัฒนาสตาร์ทอัพ ซึ่งขณะนี้ก็ทยอยที่จะร่วมลงขันเข้ามาเพื่อพัฒนาสตาร์ทอัพที่สอดคล้องกับโลกวันนี้แข่งขันด้วยนวัตกรรมที่หลายประเทศได้ต่อยอดจากสตาร์ทอัพไปสู่ธุรกิจใหญ่ โดยครึ่งปีหลังจะมี 1-2 ดีลที่จะมีข้อตกลงเพื่อแจ้งเกิดสตาร์ทอัพคนไทยที่จะก้าวไปสู่เชิงพาณิย์ได้ จากอดีตที่ผ่านมาเรามักเป็นงานวิจัยที่ขึ้นหิ้ง.
