ตลาดหุ้นไทยหลุด 1,200 จุด

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 5 และร่วงลงหลุดแนว 1,200 จุด ไปแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีช่วงท้ายสัปดาห์ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ โดยเผชิญแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว
โดยเฉพาะหุ้นอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งที่ผลประกอบการออกมาแย่และมีแผน spin-off บริษัทลูกซึ่งสร้างความกังวลต่อนักลงทุน รวมถึงความกังวลต่อประเด็นความขัดแย้งทางการค้าหลังมีรายงานว่าสหรัฐฯ จะจำกัดการลงทุนของจีนในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ และจะเดินหน้าเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกตามเดิม ประกอบกับน่าจะมีแรงขาย LTF ที่ครบกำหนดเข้ามากดดันตลาดเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ กลางสัปดาห์ หลังกนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ซึ่งเหนือความคาดหมายของตลาด ส่งผลให้มีแรงซื้อคืนหุ้นช่วงสั้นๆ กระจายในทุกอุตสาหกรรม ยกเว้นกลุ่มแบงก์
ดัชนีหุ้นไทยพลิกร่วงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค โดยแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี 11 เดือนที่ 1,186.36 จุด ช่วงท้ายสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบของสงครามการค้า หลังสหรัฐฯ ยืนยันจะเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ในวันที่ 4 มี.ค. พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ในวันเดียวกัน และก่อนหน้านี้ก็มีการขู่จะเก็บภาษี 25%
สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากยุโรปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขาย เพื่อปรับพอร์ตตามการปรับ MSCI Rebalance ซึ่งมีผลในวันที่ 28 ก.พ.
ในวันศุกร์ที่ 28 ก.พ. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,203.72 จุด ลดลง 3.41% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 57,150.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.40% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 5.38% มาปิดที่ระดับ 255.95 จุด
สัปดาห์ถัดไป (3-7 มี.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,185 และ 1,175 2 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,215 และ 1,230 จุด ตามลำดับ
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด นโยบายของปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและการบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนก.พ. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนก.พ. ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซนและอังกฤษตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. (เบื้องต้น)และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของยูโรโซนตลอดจนข้อมูลนำเข้าและส่งออกเดือนม.ค.-ก.พ. ของจีน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตลาดหุ้นต่ำสุดในรอบ 4 ปี 3 เดือน