ซีไอเอ็มบี ไทย ปี67 กำไรสุทธิ 2.8 พันล้านบาท
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประกาศกำไรสุทธิ ปี 2567 จำนวน 2,852.1 ล้านบาท เติบโต 77.7%
• กำไรสุทธิ 2,852.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.7% หรือ 1,246.8 ล้านบาท
• รายได้จากการดำเนินงาน 15,102.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% หรือ 1,331 ล้านบาท
• รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 237.4 ล้านบาท หรือ 19.9%
• เงินให้สินเชื่อของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 251.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6%
• เงินฝากอยู่ที่ 324 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4%
• อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 2.6% ลดลงจาก 3.3%
พอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31ธันวาคม 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 2,852.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,246.8 ล้านบาท หรือ 77.7% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2566 สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 9.7% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 13.7% สุทธิกับการเพิ่มขึ้นในค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 2.6%
รายได้จากการดำเนินงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีจำนวน 15,102.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 1,331 ล้านบาท หรือ 9.7% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2566 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานอื่นจำนวน 1,388,8 ล้านบาท หรือ 49.4% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน หนี้สูญรับคืนและกำไรจากเงินลงทุน สุทธิกับการลดลงของกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 237.4 ล้านบาท หรือ 19.9% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากให้บริการชำระค่าสินค้าและบริการชำระเงิน และค่าธรรมเนียมการโอนเงินและเรียกเก็บเงิน สุทธิกับการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 295.2 ล้านบาท หรือ 3.0% เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเติบโตสูงกว่าการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2567 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2566 เพิ่มขึ้นจำนวน 224.7 ล้านบาทหรือ 2.6% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขาย สุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2567 อยู่ที่ 58.7% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 อยู่ที่ 62.7% เป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับปี 2567 อยู่ที่ 2.2% ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2566 อยู่ที่ 2.6% เป็นผลจากต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น
วันที่ 31 ธ.ค. 2567 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 251.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน บางประเภท) จำนวน 324 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากสิ้นปี 2566 ซึ่งมีจำนวน 310.4พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารลดลงเป็น 77.6% จาก 78.9% ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566
สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 2.6% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566 อยู่ที่ 3.3% สาเหตุเกิดจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในระหว่างงวด 2567 การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ และกระบวนการในการเก็บหนี้
อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567 อยู่ที่ 137.9% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 124.2% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 9.0 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท
เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 31 ธ.ค. 2567 มีจำนวน 59.8 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 21.6% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 17.0%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ซีไอเอ็มบีไทย ฉลอง 15 ปีแห่งการเติบโตก้าวเป็นธนาคารที่ ‘ใช่’ ของทุกคน