แกร็บ นำร่อง ใช้จจย.ไฟฟ้า รับ-ส่งอาหาร กทม.-ปริมณฑล
แกร็บ จับมือ ซแว็ก อีวี นำร่องให้ผู้ขับขี่แกร็บ 50 คน ใน กทม.-ปริมณฑล ทดลองใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รับ-ส่งอาหาร คาดช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ขับขี่ลง 50%
นางสาวเมธิณี อนวัชกุล ผู้อำนวยการธุรกิจแกร็บไบค์และศูนย์อบรมสาขาย่อย แกร็บ ประเทศไทย กล่าวภายหลังเปิดโครงการ “Grab Green Wheels X SWAG : รถพลังงานสะอาด ปราศจากมลพิษ” ว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่าง แกร็บ ประเทศไทย และ บริษัท ซแว็ก อีวี จำกัด ผู้ผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้า นำร่องให้ผู้ขับขี่แกร็บ ในกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 50 คน ทดลองใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รับ-ส่งอาหาร หวังเก็บข้อมูลประสิทธิภาพรถและการประหยัดในช่วงระยะเวลา 1 ปี เพื่อจัดเก็บข้อมูลสมรรถนะเครื่องยนต์ การประหยัดเมื่อเทียบกับจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมัน และกระแสตอบรับจากผู้ขับขี่ เพื่อต่อยอดโครงการในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ แกร็บ ตั้งเป้าช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ขับขี่ลง 50% จากปกติที่ต้องเติมน้ำมัน 80 บาทต่อวัน และลดค่าบำรุงรักษาลง 50% รวมทั้งช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 100 ตัน ใน 1 ปี หรือเท่ากับปลูกต้นไม้ 12,500 ต้น
สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการนั้น ทางแกร็บจะคัดเลือกผู้ร่วมโครงการที่เป็นผู้ขับขี่ที่ได้รับคะแนนโหวตจากผู้บริโภค 4.8 ดาวขึ้นไป ซึ่งผู้ขับขี่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แต่ต้องชาร์จแบตเตอรี่เอง โดยมีแบตเตอรี่ให้ 2 ก้อน ใช้เวลาชาร์จก้อนละไม่เกิน 1 ชั่วโมง และเมื่อสิ้นสุดโครงการ ผู้ขับขี่ต้องส่งมอบรถคืน เพื่อตรวจสอบข้อมูลต่อไป
“ในช่วงเปิดตัวโครงการฯ แกร็บจะคัดเลือกพาร์ทเนอร์คนขับจำนวน 20 คน ก่อนจะขยายจำนวนให้ครบทั้งหมด 50 คน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 64 โดยรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่จะสนับสนุนแก่พาร์ทเนอร์คนขับ คือ รุ่น SWAG EV Type X โดยพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บแต่ละรายจะได้รับแบตเตอรี่ 2 ก้อน ซึ่งสามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 70 กิโลเมตรต่อก้อนต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (รวม 140 กิโลเมตร) ใช้เวลาชาร์จไฟ 2 ชั่วโมง 35 นาที และสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุด 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง”
ด้านนายเจนสัน เชน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซแว็ก อีวี จำกัด กล่าวว่า ซแว็กฯ ได้ร่วมมือกับแกร็บ ส่งมอบรถให้ทดลอง 50 คัน โดยราคารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่นำมาทดลองอยู่ที่ราคา 65,000 บาทต่อคัน โดยซแว๊กฯ จะมีการอบรมผู้ขับขี่เบื้องต้นในการใช้งานอย่างปลอดภัย และมีศูนย์ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมงด้วย
“ตลอดโครงการฯ แกร็บ และ ซแว็ก อีวี จะติดตามและวัดผลการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของพาร์ทเนอร์คนขับอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและการลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และพร้อมช่วยขับเคลื่อนการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับพลังงานสะอาดและผลักดันให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในวงกว้างต่อไป” นายเจนสัน กล่าวว่า