“ปตท.สผ.” ปรับแผนลงทุน หลังราคาน้ำมันดิบลดกว่า 60 %
ปตท.สผ. พร้อมปรับแผนลงทุน เลื่อนเจาะสำรวจบางโครงการ หลังราคาน้ำมันดิบลดลงกว่า 60% ชี้ หากราคาน้ำมันดิบลดต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วกว่า 60% ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เผยว่า ปตท.สผ. ประเมินว่าปริมาณการขายในปี 2563 อาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะ โดยปริมาณการขายที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 388,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ไม่เกิน 5% เนื่องจากปริมาณการขายของบริษัทกว่า 70% เป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มีการกำหนดปริมาณรับซื้อขั้นต่ำไว้แล้วตามสัญญา
ด้านราคาขายซึ่งประกอบด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ส่วนของน้ำมันดิบซึ่งมีปริมาณการขายประมาณ 30% ของปริมาณการขายทั้งหมด อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งบริษัทได้มีการทำสัญญาประกันความเสี่ยงด้านราคาไว้แล้วบางส่วน
สำหรับราคาขายก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ปตท.สผ. ได้กำหนดราคาขายในหลายโครงการกับคู่สัญญาไว้แล้ว ซึ่งหากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง อาจจะส่งผลกระทบกับบริษัทในระยะต่อไป
นายพงศธร กล่าวว่าจุดแข็งที่สำคัญของ ปตท.สผ. อีกประการหนึ่งคือมีโครงสร้างต้นทุนในระดับต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ได้ทำการปรับตัวในช่วงที่ธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเผชิญกับวิกฤตราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่โครงการหลักเราอยู่ในไทย มาเลเซีย เมียนมา และตะวันออกกลางซึ่งถือว่ามีต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นของโลก ทำให้บริษัทยังคงรักษาความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไว้ได้ ประกอบกับสถานะการเงินของบริษัทในปัจจุบันที่ยังมีความมั่นคงจึงมั่นใจว่าจะสามารถรองรับความผันผวนของราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นเตรียมการรับมือกับราคาน้ำมันที่อาจจะอยู่ในระดับต่ำในระยะยาว บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การเลื่อนแผนการเจาะสำรวจในบางโครงการออกไป เป็นต้น แต่สิ่งสำคัญที่เราคำนึงถึงเสมอคือต้องไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต รวมถึงความต้องการใช้พลังงานของประเทศด้วย
สำหรับแผนการดำเนินงานในโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และโครงการ G2/61 (แหล่งบงกช) นั้น ยังคงดำเนินการแผนเดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้รวมกัน 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตที่มีไว้กับรัฐบาลในปี 2565-2566
นอกจากนั้น ปตท.สผ. ยังมีแผนการบริหารจัดการภาวะวิกฤตและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management หรือ BCM) รองรับสถานการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส โดยที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ มีมาตรการให้พนักงานทำงานจากที่พักอาศัย (Work from Home) ส่วนในต่างประเทศ ต่างจังหวัด และนอกชายฝั่ง ได้มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยในแต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด รวมไปถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทเช่นกัน โดยได้เลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ออกไป เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในสถานที่ต่าง ๆ แต่ยังคงจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นตามกำหนดเดิม ไม่ให้กระทบต่อสิทธิผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผล