“กบน.” เก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่ม 50 ส.ต.ต่อลิตร
วันนี้ (11 มี.ค.63 ) ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้มีมติให้ เก็บเงินเข้ากองทุนในส่วนของน้ำมันดีเซลเพิ่ม 0.50 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่ 12 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า หลังจากการปรับแล้ว จะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล เนื่องจากค่าการตลาดยังอยู่ในระดับสูง โดย น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 อยู่ที่ 2.5924 บาทต่อลิตร
หลังการปรับอัตราเงินกองทุนแล้ว จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 จากไหลออก 787 ล้านบาทต่อเดือน เป็นเข้ากองทุน 352 ล้านบาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็นกลุ่มน้ำมัน 218 ล้านบาทต่อเดือน และกลุ่มก๊าซ LPG ที่ 134 ล้านบาทต่อเดือน อย่างไรก็ตามหากการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 เพิ่มขึ้นตามแผน คาดว่ากองทุนน้ำมันฯ จะติดลบเพิ่มขึ้นเป็น 794 ล้านบาทต่อเดือน ในช่วงปลายเดือนเมษายน และจะติดลบเพิ่มขึ้นเป็น 1,858 ล้านบาทต่อเดือน ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2563
ทั้งนี้ สถานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 8 มีนาคม 2563 มีเงินสุทธิ 36,196 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมัน 41,699 ล้านบาทประเภท LPG ติดลบ 5,503 ล้านบาท
ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ปรับอัตราชดเชยกองทุนน้ำมันของดีเซลหมุนเร็ว บี 10 และ บี 20 เพิ่มขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 7 สูงกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 รวม 3 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 อยู่ 0.50 บาทต่อลิตร
หลังจากการปรับดังกล่าวข้างต้นแล้ว ราคาน้ำมันดิบดูไบได้ปรับลดมาจากระดับ 52.30 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เหลือ 34.16 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ในวันที่ 10 มีนาคม 2563 หรือลดลง 18.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล สาเหตุมาจากการเจรจาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกกับกลุ่มนอกโอเปกที่นำโดยรัฐเซียไม่สามารถตกลงการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันได้
ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศได้ปรับลดตามราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยในช่วงที่ผ่านมาผู้ค้าน้ำมันได้มีการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลงไปแล้ว 5 ครั้ง ลดลง 2.40 บาทต่อลิตร.