“BGRIM” ปันผลครึ่งปีหลัง 0.22 บาทต่อหุ้น
BGRIM โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 4 เติบโตขึ้นถึง 215% ในปี2563 เดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกาศจ่ายปันผลครึ่งปีหลังที่ 0.22 บาทต่อหุ้น
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM เผย ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2562 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิจากงบรวม 816 ล้านบาทและกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 409 ล้านบาทเติบโตถึง 215% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หากพิจารณากำไรสุทธิจากการดำเนินงานงบการเงินรวมอยู่ที่ 832 ล้านบาท เติบโตถึง 118% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 428 ล้านบาท เติบโตถึง 94.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับปี 2562 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการปี 2562 อยู่ที่ 44,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปีก่อน 20.6% และมีกำไรสุทธิจากงบการเงินรวมอยู่ที่ 3,977 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 2,331 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 25.1% อันเนื่องมาจากการขยายกำลังการผลิตถึง 40% จากโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งจากการเข้าซื้อกิจการและการพัฒนาโครงการใหม่
รวมถึงสามารถประหยัดเชื้อเพลิงจากการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซของโรงไฟฟ้าจากพลังความร้อนร่วม 2 โครงการ และการลดต้นทุนทางการเงินจากการรีไฟแนนซ์เงินกู้ด้วย
ด้านมาตรการสำหรับการบริหารจัดการน้ำ บริษัทมีนโยบายและมาตรการการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้น้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำตามแนวทางความยั่งยืน น้ำส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมมาจากน้ำที่ผ่านกระบวนการ recycle หรือจากการบำบัดน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม
ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนการควบคุมการผลิตไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งนำมาสู่การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการวางแผนการบริหารจัดการน้ำร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมอย่างรอบคอบ ทำให้มั่นใจว่าปริมาณน้ำสำรองในบ่อกักเก็บน้ำของนิคมอุตสาหกรรมเพียงพอต่อการเดินเครื่องไปจนถึงช่วงฤดูฝน บริษัทมั่นใจว่าสามารถผลิตไฟฟ้าและไอน้ำที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรมรายเดิมและลูกค้ารายใหม่
อย่างไรก็ดี บริษัทมีฐานลูกค้าระดับโลกที่มีความมั่นคงระดับสูงเป็นจำนวนมาก ทำให้ภาพรวมการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในเดือน ม.ค. 2563 ยังคงแข็งแกร่ง ด้วยปริมาณการขายไฟในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันก่อนปีก่อน นอกจากนี้ยังมีลูกค้ารายใหม่อีกหลายรายที่ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 23 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดการทยอยเชื่อมต่อกับโรงไฟฟ้าของบริษัทในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563
ขณะเดียวกันยังคงมีความต้องการใช้ไฟฟ้าจากลูกค้าอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพมากกว่า 1,000 ราย ในนิคมอุตสาหกรรม ที่มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของบริษัทตั้งอยู่ แต่ยังไม่ได้ให้บริการมั่นใจทะลุเป้าหมายกำลังการผลิต 5,000 เมกะวัตต์
ขณะนี้มีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสลงทุนในโครงการใหม่ร่วมกับพันธมิตรอีกหลายโครงการ ทั้งจากพลังงานก๊าซและพลังงานทดแทน ในประเทศไทย เวียดนาม เกาหลีใต้ มาเลเซีย กัมพูชา ลาว และประเทศอื่นๆ
อีกทั้งมีแผนควบรวมกิจการอีกหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการและอยู่ระหว่างการพัฒนารวม 3,424 เมกะวัตต์ ตัวอย่างโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานลมบ่อทอง ขนาด 16 เมกะวัตต์ และ โครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 39 เมกะวัตต์ในประเทศกัมพูชา รวมถึงโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคารวมขนาด 6 เมกะวัตต์ในประเทศฟิลิปปินส์และตามกรอบการพัฒนาอีกประมาณ 30 เมกะวัตต์ให้กับพันธมิตรในประเทศโอมาน