“กัลฟ์” เร่งสำรองน้ำ หลังนโยบายรัฐให้ รง.ลดใช้น้ำ 10 %
หลังจากรัฐบาลได้มีนโยบายให้โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ลดการใช้น้ำลง 10% เพื่อบรรเทาต่อความกังวลเรื่องสถานการณ์น้ำแล้งซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงโรงไฟฟ้า นั้น
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) เผยว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้ามาเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี และได้ผ่านวิกฤตน้ำแล้งมาแล้วหลายครั้ง เช่น ในปี 2558 ซึ่งสถานการณ์น้ำในแม่น้ำและเขื่อนต่างๆ อยู่ในระดับวิกฤตกว่าปัจจุบัน โรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการการใช้น้ำในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้เป็นปกติ
สำหรับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันนั้น บริษัทฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปี 2562 โดยได้มีการร่วมหารือกับหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวมถึงจัดหาแนวทางในการบริหารจัดการน้ำร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่โรงไฟฟ้าตั้งอยู่ ซึ่งทำให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจว่า นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานต่าง ๆ จะร่วมกันบริหารจัดการน้ำได้อย่างเพียงพอไปจนถึงฤดูฝน สำหรับการเตรียมความพร้อมภายในโรงไฟฟ้านั้น โรงไฟฟ้าได้มีการทยอยสำรองน้ำในบ่อเก็บน้ำของโรงไฟฟ้าจนมีปริมาณน้ำสำรองเต็มความจุบ่อในทุกโครงการ อีกทั้งยังได้ดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำสำรองอื่นๆ ในพื้นที่นอกโรงไฟฟ้าอีกด้วย ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีความมั่นใจว่าสถานการณ์น้ำจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานโดยรวมของกลุ่มบริษัทฯ
นอกเหนือจากเรื่องการบริหารจัดการน้ำในข้างต้นแล้ว โรงไฟฟ้าเอกชนรายย่อย (SPP) ของกลุ่มบริษัทฯ ยังสามารถขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขายไฟฟ้าให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 6-7% ด้วยโครงสร้างรายได้ที่มั่นคงจากทั้งภาครัฐและกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ประกอบกับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของกลุ่มบริษัทฯ บริษัทฯ จึงมีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้.