ราคาน้ำมันพุ่งหลัง กบน.เก็บเงินเพิ่ม 1 บาทต่อลิตร
บอร์ด กบน.มีมติ เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 1 บาทต่อลิตร หลังสิ้นสุดระยะเวลา ลดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงชั่วคราว ระหว่างวันที่ 26 ธ.ค. 2562-10 ม.ค. 2563 มีผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกปรับขึ้น 50- 80 ส.ต.ต่อลิตร
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน.ว่า ที่ประชุมได้รับทราบมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกา และอิหร่าว ซึ่งขณะนี้ได้คลี่คลายลงแล้ว และราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุดได้ปรับลดลงจาก 69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ยังคงมาตรการป้องกันไว้
ในด้านปริมาณสำรองน้ำมัน ณ วันที่ 9 มกราคม 2563 มีปริมาณ 7,509 ล้านลิตร เพียงพอใช้ได้ 66 วัน ส่วนปริมาณ LPG มีประมาณ 141 ล้านกิโลกรัม พอใช้ได้ 24 วันสำหรับใช้ในครัวเรือนและได้มีการบริหารจัดการเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยให้ ปตท.ปรับลดสัดส่วนการนำเข้าจากตะวันออกกลางจาก 74 % เป็น 50 % ส่วนการผลิตปิโตรเลียมในประเทศ ปัจจุบันผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 130,000 บาร์เรนต่อวัน หากมีเหตุฉุกเฉิน กรมเชื้อเพลิงพลังงานจะขอความร่วมมืองดส่งออกน้ำมันดิบ และขอให้เพิ่มการผลิตน้ำมันดิบอีก 36,000 บาร์เรนต่อวัน
นอกจากนั้น ยังเห็นชอบ ปรับอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร หลังจาก บอร์ด กบน.เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2562 มีมติลดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงชั่วคราว ซึ่งมีผลทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลงทุกชนิด 1 บาทต่อลิตร เริ่มตั้งแต่ 26 ธ.ค. 2562-10 ม.ค. 2563 เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกปรับเพิ่มขึ้น ประมาณ 40-50 ส.ต.ต่อลิตร
ล่าสุด ปตท.ประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลล์ทุกชนิดเพิ่มขึ้น 0.60 บาทต่อลิตร เว้น E85 เพิ่มขึ้น 0.80 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลปรับเพิ่มขึ้น 0.50 บาทต่อลิตร มีผล 11 ม.ค. 2563 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
ราคาขายปลีก สถานีน้ำมัน ปตท.จะเป็นดังนี้ ULG = 34.16, GSH95 = 26.75, E20 = 23.74, GSH91 = 26.48, E85 = 19.69, ดีเซล = 27.89, HSD-B10 = 25.89, HSD-B20 = 24.89, ดีเซลพรีเมี่ยม = 31.74 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร.