“สนธิรัตน์”เตรียมมาตรการรับมือ วิกฤติน้ำมัน
กระทรวงพลังงาน ชี้แจง มาตรการรับมือสถานการณ์ตะวันออกกลาง ยันมีน้ำมันสำรองสามารถใช้ได้ 50 วัน เตรียมงดส่งออกและเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในประเทศ พร้อมใช้เงินกองทุนฯมาผยุงราคาน้ำมัน
จากกรณีสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ระหว่างประเทศสหรัฐฯและอิหร่าน ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกล่าสุด เมื่อ 6 ม.ค.63 ได้ปรับราคาขึ้นมาอยู่ที่ 69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นั้น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงว่า กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมิน และเตรียมการหากเกิดสถานการณ์ที่วิกฤตเพิ่มขึ้น โดยในวันนี้ (6 ม.ค.63) ได้มีการประชุมหารือ ปริมาณน้ำมันสำรองในประเทศ ยังสามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ทั้งหมด 50 วัน
ปัจจุบัน ณ วันที่ 5 มกราคม 2563 ประเทศไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 2,988 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,144 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 1,468 ล้านลิตร ส่วนปริมาณสำรองก๊าซ LPG ทั้งหมดประมาณ 101 ล้านกิโลกรัม สำรองได้ 17 วันสำหรับใช้ในภาคครัวเรือน
และ ได้มีการบริหารจัดการเพื่อกระจายความเสี่ยงระยะยาว โดยกลุ่ม ปตท. ได้ปรับลดสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางที่เคยสูงถึงกว่า 74% และล่าสุดปรับลดเหลือประมาณ 50% และนำเข้าน้ำมันจากสหรัฐอเมริกา และแอฟริกา มาทดแทน
พร้อมกันนั้นยังได้ เตรียมเพิ่มการผลิตปิโตรเลียมในประเทศบริเวณอ่าวไทยอีก 36,000 บาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 1.3 แสนบาร์เรลต่อวัน และขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันงดส่งออกน้ำมันดิบ ซึ่งจะได้ปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้นประมาณ 25,000 บาร์เรลต่อวัน
ส่วนการบริหารราคาน้ำมันเชื้อเพลิง นั้น กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีเกณฑ์สำหรับการบริหารจัดการราคาน้ำมันในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้มีการจัดทำเป็น Scenario ในช่วงระดับราคาต่างๆ ในการบริหารจัดการราคาน้ำมันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยขณะนี้สถานะกองทุนน้ำมันฯอยู่ที่ประมาณ 37,000 ล้านบาท
“ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า กระทรวงพลังงานจะสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ด้านความมั่นคงของการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีใช้อย่างต่อเนื่อง และด้านราคาไม่ให้เกิดความผันผวนจนส่งผลกระทบต่อประชาชน ”
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 10 ม.ค.นี้ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)จะมีการประชุม ประเมินสถานการณ์ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศสหรัฐฯและอิหร่าน เพื่อวางมาตรการรับมือ และหากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นมาอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจจะส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศ โดยราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะกระทบต่อราคาขายปลีกอยู่ที่ 1 บาทต่อลิตร