สนธิรัตน์ ผลักดันนโยบายเร่งด่วนเห็นผล 3เดือนแรก
รมว.พลังงาน ขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน ให้เกิดผลใน 3 เดือน เพื่อประโยชน์ของประชาชน และสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นักถกหน่วยงาน ปรับสัดส่วนพลังงานทางเลือก วางแผนพลังงานในระยะยาว สัปดาห์ นี้
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในงานเสวนาเรื่อง “Roadmap to Success: Up Close with Thailand’s New Ministers ในงาน บางกอกโพสต์ ฟอร์ม 2019 ทิศทางประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลใหม่ ว่า กระทรวงพลังงาน ถือเป็นกระทรวงหลักที่จะช่วยดูแลผลกระทบให้กับพี่น้องประชาชน สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งนโยบายหลักที่ต้องเร่งขับเคลื่อนในระยะ 3 เดือนแรก คือ การพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืน โดยใช้จุดแข็งของประเทศในการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เชื่อมโยงเรื่องพลังงาน ผลักดันให้ไทยเป็นเทรนเดอร์ของอาเซียน ศูนย์กลางไฟฟ้าของอาเซียน โดยอุตสาหกรรมพลังงานของไทยจะได้รับการส่งเสริมขยายการลงในต่างประเทศ
การส่งเสริมพลังงานบนดิน โดยปรับโครงการสร้างไบโอดีเซล เพื่อแก้ปัญหาสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ(CPO)ล้นตลาดที่เรื้อรังมากว่า 30 ปี จากปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย ซึ่งประเทศไทยมีการผลิตปาล์มดิบเพียง 10% ของโลก น้อยกว่าอินโดนีเซียและมาเลเซียที่มีกำลังผลิตถึง 90%ของโลก ฉะนั้น แค่แก้ปัญหาโอเวอร์ซัพพลายในประเทศให้ได้ก็จะเกิดสมดุล ซึ่งได้มอบหมายให้ปรับโครงสร้างไบโอดีเซลโดยผลัดดันสู่การใช้ ดีเซล บี10 เป็นน้ำมันพื้นฐานแทนดีเซล บี7 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และใช้บี 20 สำหรับกลุ่มรถขนาดใหญ่ ก็จะช่วยดูดซับCPO ราว 2 ล้านตันต่อปี จากผลิตประมาณ 3 ล้านตันต่อปี ก็จะสร้างสมดุมระหว่างดีมานด์และซัพพลาย ร่วมถึงราคาที่มีเสถียรภาพ
ส่วนการนำ CPO ไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้านั้น เป็นเพียงมาตรการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในระยะสั้น เนื่องจากการนำไปผลิตไฟฟ้าจะมีต้นทุนสูง
นอกจากนั้น ได้สั่งการให้ปรับแก้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ปี2561-2580(PDP 2018) โดยปรับเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงพลังงาน ผ่านการจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งเชื้อเพลิงจะมาจากโซลาร์เซลล์ ไบโอแก๊ส และไบโอแมส เป็นต้น เรื่องนี้จะเร่งรัดให้เกิดขึ้นโดยเร็ว และเปิดโอกาสให้ภาคชุมชนเข้ามาร่วมลงทุน ขายไฟฟ้าส่วนเกินเข้าสู่ระบบได้ด้วย โดยจะใช้กลไกของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่มีงบประมาณปีละกว่า 10,000 ล้านบาท เข้ามาช่วยสนับสนุนโครงการ และในอนาคตอาจจะต้องร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงคลัง เพื่อส่งเสริมสตาร์ทอัพด้วย
พร้อมกันนี้ ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) พิจารณาแนวทางใช้พลังงาน โดยส่งเสริมให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชนมากขึ้น ประชาชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้าได้ใช้ไฟฟ้าในอัตราพิเศษ หรือ ใช้ไฟฟ้าฟรี รวมถึงจะร่วมมือกับกระทรวงการคลัง ปรับแนวทางการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตัวจริงให้เข้าถึงการใช้ไฟฟ้าผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และในอนาคตจะเชื่อมโยงกับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อให้ เอสเอ็มอี ใช้ไฟฟ้าในราคาถูก อีกด้วย
นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวอีกว่าภายใน 1-2 วันนี้ ได้เรียกประชุมทีมงานกระทรวงพลังงาน ว่าจะปรับสัดส่วนพลังงานทางเลือกอย่างไร รวมถึงเรื่องก๊าซฯ นั้น จะต้องมีการวางแผนงานเพื่อดูแลความมั่นคงในระยะยาวด้วย.