กฟผ.หยุดเช็คสภาพโรงไฟฟ้าบางปะกง 10 วัน
กฟผ.หยุดการผลิตโรงไฟฟ้าบางปะกง หน่วยที่ 3 เป็นเวลา 10 วัน เพื่อตรวจสอบสภาพระบบท่อส่งและเตาเผาน้ำมันปาล์มดิบ ก่อนรับน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไฟฟ้าในล็อตใหม่ เดือน ส.ค.นี้
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจำนวน 160,000 ตัน นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง หน่วยที่ 3 จังหวัดฉะเชิงเทรา ในราคาที่โรงสกัดได้ซื้อทลายปาล์มสดจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มในราคา 3.20 บาทต่อกิโลกรัม นั้น ได้มีการใช้น้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไฟฟ้าได้ครบตามจำนวนแล้ว และได้รับรายงานจาก นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. ว่า ในวันนี้ (24 มิ.ย.62) จะหยุดการผลิตเป็นระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 10 วัน เพื่อตรวจสอบสภาพระบบท่อส่งและเตาเผาน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งเป็นขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้น้ำมันปาล์มดิบล็อตใหม่ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด
ด้าน นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ได้ดำเนินการตาม “มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยการใช้น้ำมันปาล์มดิบผลิตกระแสไฟฟ้า” โดยรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบล็อตแรกครบตามจำนวน 160,000 ตัน และยังได้ดำเนินการเปิดรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มเติมอีก จำนวน 200,000 ตัน โดยมีโรงสกัดที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ยื่นเสนอขายรวม 66,250 ตัน และได้มีการส่งมอบน้ำมันเข้าคลังน้ำมัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนจะทยอยส่งมอบมายังโรงไฟฟ้าบางปะกง สำหรับการใช้น้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไฟฟ้าในล็อตใหม่ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้หมดภายในเดือนสิงหาคม 2562
ทั้งนี้ กฟผ. ได้ดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2561 จำนวน 160,000 ตัน และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 จำนวน 200,000 ตัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบ ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 14.13 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 21 บาทต่อกิโลกรัม และราคาผลปาล์มปรับเพิ่มขึ้นจาก 2.05 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 3.70 บาทต่อกิโลกรัม.