สนพ. คาดราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลง
สนพ. คาดราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลง จากผลประชุมโอเปกพลัส และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในหลายประเทศในยุโรป
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เผยว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากนักลงทุนกังวลว่าอุปทานในตลาดจะเพิ่มขึ้น จากผลการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมามีมติเพิ่มปริมาณการผลิตเป็นขั้นบันไดในช่วงพฤษภาคม – กรกฎาคม นี้ สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าในพฤษภาคม – มิถุนายน โอเปกพลัสจะยังคงลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ 6.9 ล้านบาร์เรล/วัน เท่ากับเมษายน 2564
อีกทั้งซาอุดีอาระเบียที่ลดการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงกุมภาพันธ์ – เมษายน จะปรับปริมาณลดการผลิตน้ำมันดิบเป็น 0.75 ล้านบาร์เรล/วัน และ 0.4 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงพฤษภาคม – มิถุนายน และยุติการลดการผลิตเพิ่มเติมตั้งแต่กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ขณะที่อุปสงค์น้ำมันยังคงถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในหลายประเทศในยุโรปยังคงรุนแรง โดยมีการประกาศล็อคดาวน์ในหลายพื้นที่
ด้านค่าการตลาดน้ำมันของไทยนั้น รัฐบาลไทยมีนโยบายยกเลิกการกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นการกำหนดโดยกลไกการค้าเสรี ซึ่งเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
ซึ่ง สนพ. ได้คำนวณและเผยแพร่โครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านทาง www.eppo.go.th เพื่อให้สารธารณะใช้ในการอ้างอิง (มิได้เป็นการกำหนดให้ผู้เกี่ยวข้อง ซื้อ-ขาย น้ำมันเชื้อเพลิงตามโครงสร้างราคาจากการคำนวณของ สนพ.) ซึ่งปัจจุบันค่าการตลาดเฉลี่ยอยู่ในช่วงที่เหมาะสมตามที่ กบง. ได้เห็นชอบไว้
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ณ วันที่ 4 เม.ย. 64) กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 57,104 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 34,503 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 22,601 ล้านบาท (บัญชีน้ำมัน 34,115 ล้านบาท บัญชี LPG -11,514 ล้านบาท)