‘ชิงเต่า’ จ่อตรวจโควิด-19 ทั้งเมือง หลังพบติดเชื้อใหม่
ปักกิ่ง : เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ทางการเมืองชิงเต่าของจีนระบุว่า จะทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชนกว่า 9 ล้านคนภายใน 5 วัน หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ
โดยเมืองชิงเต่ารายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 6 รายและอีก 6 รายที่ไม่มีอาการในช่วงสายของวันที่ 11 ต.ค. โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลทรวงอกชิงเต่า
แถลงการณ์ระบุว่า จะมีการตรวจ 5 เขตภายใน 3 วัน และตรวจครบทั้งเมืองภายใน 5 วัน อย่างไรก็ตาม ทางการไม่ได้ให้ตัวเลขที่แน่นอนว่าจะมีทั้งหมดกี่คนที่ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัส
ทั้งนี้ เมืองชิงเต่า ซึ่งเป็นเมืองท่าเรือในมณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน ได้ล็อกดาวน์รพ.ทรวงอกชิงเต่าแล้ว รวมทั้งแผนกฉุกเฉินและส่วนกลางของโรงพยาบาล มีการล็อกดาวน์อาคารที่มีผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
จีนมีศักยภาพในการตรวจที่ครอบคลุมและรวดเร็ว และคณะกรรมการสุขภาพระบุว่า มีพนักงานกว่า 140,000 รายของสถาบันทางการแพทย์ ผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวใหม่ และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจโควิด-19 แล้วในเมืองชิงเต่าตั้งแต่มีการยืนยันผู้ติดเชื้อรายใหม่
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 21 รายในจีนวันที่ 11 ต.ค. หลังคำประกาศของเมืองชิงเต่า แต่ไม่ได้รวมจำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองและยังไม่มีการเคลียร์ว่าทำไม
จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ไม่มีอาการ ซึ่งจีนไม่นับว่าเป็นผู้ติดเชื้อ เพิ่มขึ้นเป็น 32 รายจากเดิม 23 รายในวันก่อนหน้า จากรายงานของ NHC
ไม่มีการแจกแจงรายละเอียดว่าผู้ป่วยรายใหม่ที่ไม่มีอาการอยู่ที่ไหน บอกแต่เพียงว่า มี 29 ราย ซึ่งเป็นการติดเชื้อมาจากต่างประทศ
การติดเชื้อโควิด-19 รายวันในจีนลดลงอย่างชัดเจนจากช่วงพีคเมื่อต้นปีนี้ แต่ประเทศยังคงมีการเตือนภัยระดับสูงเพื่อป้องกันไม่ให้มีมาตรการล็อกดาวน์ที่สร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจของจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
ชาวจีนหลายร้อยล้านคนเดินทางทั่วประเทศจีนในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวโกลเด้น วีคในสัปดาห์ก่อนกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวเติบโตขึ้น ขณะที่มีการตรวจหาเชื้ออย่างรวดเร็วและการล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่เพื่อรับมือกับการระบาดระลอกสองของไวรัสโคโรนา
จนถึงตอนนี้ จำนวนผู้ป่วยสะสมจากโควิด-19 ในจีนอยู่ที่ 85,578 ราย ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดยังคงอยู่ที่ 4,634 ราย