จีนเผยแผนกระตุ้นศก. ไม่ตั้งเป้าโตปีนี้
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. จีนสัญญาจะอีดฉีดเงินงบประมาณจำนวน 3.6 ล้านล้านหยวนเข้าระบบเศรษฐกิจในปีนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อการสร้างงาน 9 ล้านอัตรา และหลีกเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจซบเซาจากการระบาดของไวรัส
โดยจีนจะไม่ตั้งเป้าตัวเลขเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ในปีนี้ เป็นสัญญาณว่าความผันผวนครั้งมโหฬารจากโรคระบาดโควิด -19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงแถลงชี้แจงการตัดสินใจที่ไม่มีการตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจว่า
“มีหลายปัจจัยซึ่งทำให้ยากที่จะทำนาย” เนื่องจาก “ความผันผวนครั้งใหญ่” ที่เกิดจากโรคระบาดโควิด-19 และ “ สภาพเศรษฐกิจและการค้าโลก”
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่จีนไม่มีการตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปี 2562 รัฐบาลจีนตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 6% – 6.5% แต่จีดีพีเติบโตเพียง 6.1% เป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี
โรคระบาดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และการล็อกดาวน์เมืองส่วนใหญ่ของจีนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน โดยจีดีพีหดตัวลงถึง 6.8% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่จีนเริ่มรายงานตัวเลขจีดีพีเมื่อปี 2519 เป็นต้นมา
ประชาชนชาวจีนหลายสิบล้านคนถูกบีบให้ออกจากงานเนื่องจากมีโรคระบาดโควิด-19 และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปัญหาการว่างงานในจีนจะมีขนาดใหญ่กว่าที่มีการรายงาน
เศรษฐกิจของจีนยังเผชิญกับแรงกดดันภายนอก โรคระบาดทั่วโลกส่งผลให้ดีมานด์ทรุดตัวลง และส่งผลกับภาคส่งออกที่มีมูลค่ามหาศาลของจีน
นอกจากนี้ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนปะทุขึ้นมาอีกครั้ง จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พยายามกล่าวโทษว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นไวรัสที่มาจากจีน และจีนลงมือสกัดไวรัสช้าเกินไปและปกปิดข้อมูลกับประชาคมโลก ทำให้ฝ่ายจีนต้องออกมาโต้กลับอย่างรุนแรง ความบาดหมางครั้งใหม่นี้ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองประเทศจะประกาศสงครามการค้าระหว่างกันอีก
โดยนายกฯหลี่ ได้ประกาศการไม่มีเป้าตัวเลขจีดีพีในปีนี้ในระหว่างการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติ ( ซึ่งเป็นสภาที่อนุมัตินโยบายสำคัญของจีน) แทนการประกาศเป้าหมายอื่นๆอย่างต่อเนื่องที่รัฐบาลได้ตั้งไว้สำหรับปีนี้
เขาระบุว่า รัฐบาลจีนต้องการสร้างงานใหม่ในเขตเมือง 9 ล้านอัตราเพื่อช่วยหนุนการจ้างงานในประเทศ ซึ่งเป็นความสำคัญในลำดับแรก เขายังได้กำหนดกรอบในการสร้างมาตรฐานชีวิตขั้นพื้นฐานและกำจัดความยากจนด้วย
“ จากการที่ต้องประสบกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกมากมาย เรายิ่งต้องทำตามข้อผูกพันในการเปิดกว้างกับโลกมากขึ้น เพื่อให้อุตสาหกรรมและซัพพลายเชนมีเสถียรภาพ และการเปิดกว้างเพื่อเร่งการปฏิรูปและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ” นายกฯหลี่กล่าว