“สทบ.- กทบ.” We’ll Never Walk Alone
“รักษ์พงษ์” ดึง สสว. ร่วมงาน สทบ. เร่งดึงเทคโนโลยีช่วยยกระดับการผลิตและสร้างมาตรฐานสินค้า พร้อมหาช่องทางการตลาดเสริม “คนตัวเล็ก” ระดับฐานรากทั่วไทย จับตา! แนวคิด We’ll Never Walk Alone ใครจะเป็นพันธมิตรรายใหม่ สร้างฝัน “รองฯสมคิด” ให้เป็นจริงได้เร็วขึ้น
แนวคิดที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ต้องการให้ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ภายใต้การนำของ นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ผอ. สทบ. คนปัจจุบัน เดินหน้าโครงการที่มุ่งเน้น “การสร้างงาน สร้างรายได้ ลดรายจ่าย และเพิ่มคุณภาพชีวิต” ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่มีเกือบ 13 ล้านคน และหากนับรวมคนในครอบครัวของสมาชิกฯเหล่านั้น จะมีมากถึง 40 ล้านคน เริ่มเห็นผลอย่างเด่นชัด ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
โดยเฉพาะ โครงการ “แลกเปลี่ยนสินค้า” ระหว่างกองทุนหมู่บ้าน ในยุคของ นายรักษ์พงษ์ เริ่มต้นที่…จ.อยุธยา (แลกเปลี่ยนสินค้ากับกองทุนหมู่บ้านจาก จ.สมุทรสาคร) ตามมาด้วย จ.เพชรบุรี (แลกเปลี่ยนสินค้ากับกองทุนหมู่บ้านจาก จ.ชุมพร และ จ.หนองคาย) จ.ปราจีนบุรี (แลกเปลี่ยนกับกองทุนหมู่บ้านจาก จ.หนองคาย) และ จ.จันทบุรี (แลกเปลี่ยนสินค้ากับกองทุนหมู่บ้านจาก จ.หนองคาย) เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
จากนี้ไป…แนวทางการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเองของกองทุนหมู่บ้าน จะได้รับการส่งเสริมและสนับสนุน จนเกิดการขยายผลในวงกว้าง จากจังหวัดสู่จังหวัด และจากภาคสู่ภาค “เหนือ ใต้ อีสาน กลาง และตะวันออก” เป็นอย่างนี้ทั่วประเทศ
ทำให้ กองทุนหมู่บ้านกว่า 7.9 หมื่นแห่ง ได้มีกิจกรรมไปมาหาสู่ แลกเปลี่ยนสินค้ากันและกัน สร้างความคึกคักต่อเศรษฐกิจระดับฐานรากในหลายๆ ชุมชน หลายๆ พื้นที่ และหากเกิดขึ้นกับกองทุนหมู่บ้านในทุกจังหวัด และทุกภาคของประเทศ สิ่งนี้…ย่อมส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในระดับประเทศอย่างไม่ต้องสงสัย
การแลกเปลี่ยนสินค้ากันเองของกองทุนหมู่บ้าน จากที่เคยเป็นไป…ระหว่าง “สินค้าเกษตรกับอาหารทะเลแปรรูป” อาจแปรเปลี่ยน กระทั่ง ยกระดับเป็นสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยยกระดับการผลิต
สิ่งนี้ ถูกโยนก้อนหินถามทาง! หลังจาก นายรักษ์พงษ์ เชิญชวนให้ นายวีระพงศ์ มาลัย ผอ.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานนัก มาร่วมในกิจกรรมการแลกเปลี่ยนสินค้าที่กองทุนหมู่บ้านใน 5 ตำบลของ จ.จันทบุรี นำผลผลิตของสมาชิกฯ อาทิ ปลาหวาน ปลาหมึกตากแห้ง กะปิ ทุเรียน มังคุด ลองกอง มาแลกเปลี่ยนข้าวหอมมะลิคัดพิเศษ จากเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน จ.หนองคาย
เพราะจากจุดนี้ ได้ก่อเกิดความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ชนิด…พลิกฝ่ามือ! นั่นคือ ความเปลี่ยนแปลงในกระบวนการผลิตสินค้าของกองทุนหมู่บ้านอีกหลายแห่งทั่วประเทศ
ต้องยอมรับความจริงที่ว่า…ศักยภาพของ สสว. ซึ่งปัจจุบัน มีมิติในการปฏิบัติงานกว้างกว่าที่เคยมี ตั้งแต่…ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาคุณภาพการผลิตของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่เรียกรวมๆ ว่า “คนตัวเล็ก” แล้ว ยังต้องทำหน้าที่ในการสร้างมาตรการคุณภาพสินค้าให้อยู่ในระดับที่สังคมเกิดการยอมรับและเชื่อมั่น อีกทั้ง ยังต้องทำหน้าที่ในการมองหาช่องทางการตลาดและจัดจำหน่ายควบคู่กันไป
เมื่อนำมา ต่อยอดกับ “จุดเด่น” ที่กองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศมีในมิติต่างๆ แล้ว เชื่อว่า…ภารกิจจากนี้ไป ทั้งของ สทบ.และสสว. ย่อมต้องสร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และจะเป็นประโยชน์มากกว่า…“การสร้างงาน สร้างรายได้ ลดรายจ่าย และเพิ่มคุณภาพชีวิต” ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง แต่หากยังทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ตั้งแต่ระดับฐานรากขึ้นไปจนถึงระดับมหภาค เกิดการเชื่อมโยงและสอดประสานกันอย่างมีนัยสำคัญ
สมกับความตั้งใจที่ นายสมคิด คาดหวังจะเห็นเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะในส่วน “4 แสนล้านบาท” ที่จะนำมาใช้เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ที่ได้รับผลกระทบทั้งจาก…เศรษฐกิจโลก ภาวะความร้อน และผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 โดยมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก เน้นที่ “สร้างงาน สร้างรายได้” ให้กับคนในชุมชนต่างๆ อย่างยั่งยืน จะได้รับการต่อยอดจนเห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
นายรักษ์พงษ์ กล่าวว่า การได้ สสว.มาเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการช่วยยกระดับการผลิตสินค้าและสร้างมาตรฐานคุณภาพสินค้าที่เกิดจากสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน สิ่งนี้…ไม่เพียงจะช่วยเพิ่มปริมาณการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกองทุนหมู่บ้านด้วยกันเอง หากยังช่วยให้การขายสินค้าของกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ กับ “คนภายนอกกองทุนฯ” เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และที่สุด…ย่อมจะส่งผลดีทั้งต่อสมาชิกกองทุนฯ ต่อกองทุนหมู่บ้าน ต่อเศรษฐกิจระดับชุมชน ต่อเศรษฐกิจในระดับฐานราก และระบบเศรษฐกิจระดับประเทศ เกิดการขยายผลต่อเนื่องและเกิดความเชื่อมโยง โดยแทบไม่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจภายนอกประเทศ ในช่วงที่การส่งออกและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ นายรักษ์พงษ์ เคยพูดถึงทีมฟุตบอลอังกฤษที่ตัวเองชื่นชอบและเชียร์ กับปรัชญาของสโมสรที่ว่า We’ll Never Walk Alone สิ่งนี้…น่าจะถูกนำมาใช้การบริหารจัดการภายใน สทบ.ยุคของเขา เห็นได้จาก…การดึง สสว.มาร่วมงานในครั้งนี้ และไม่แน่ว่า…ในวันข้างหน้า จะมีพันธมิตรองค์กรใด หน่วยงานไหน มาช่วยเติมเต็มกับภารกิจของ สทบ.
ด้าน นายวีระพงศ์ กล่าวเสริมว่า สสว.ยินดีที่จะร่วมงานกับ สทบ.และกองทุนหมู่บ้าน ที่มีความหลากหลายและกระจายไปทั่วประเทศ หนึ่งในภารกิจสำคัญของ สสว. คือ การส่งเสริมและสนับสนุน “คนตัวเล็ก” ที่เรียกว่ากลุ่ม MSMEs หรือ “ไมโครเอสเอ็มอี” ในมิติต่างๆ ตั้งแต่…การผลิต การสร้างมาตรฐานและคุณภาพสินค้า การสร้างช่องทางการตลาดและจัดจำหน่าย รวมถึงเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีมากกว่า 3 ล้านราย ที่แม้จะมีการขึ้นทะเบียนฯเอาไว้เพียง 3 แสนราย แต่เชื่อว่าจากนี้ การขึ้นทะเบียนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะมีมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กิจกรรมของกองทุนหมู่บ้าน ถือเป็นส่วนหนึ่งของ “คนตัวเล็ก” ที่ สสว. ต้องให้การส่งเสริมและสนับสนุนต่อไป
ถึงตรงนี้ สทบ.และกองทุนหมู่บ้าน ในยุคของ นายรักษ์พงษ์ คงไม่ต้องเดินเดียวดายอีกต่อไป แต่จากนี้…ทุกก้าวย่างของ นี้ สทบ.และกองทุนหมู่บ้าน จะเป็นไปในลักษณะ We’ll Never Walk Alone และคงไม่จำกัดวงเพียงแค่ สสว. ที่ถือเป็นการจุดประกาย…สร้างความแตกต่าง จนกลายเป็น…ความหวังที่สัมผัสได้จริง เท่านั้น
ส่วนจะมีพันธมิตรรายใหม่ มาเป็น “ตัวเร่ง” ทำให้ความหวังของ นายสมคิด ทั้งต่อ “การสร้างงาน สร้างรายได้ ลดรายจ่าย และเพิ่มคุณภาพชีวิต” ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมถึงมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็งและยั่งยืน จนเป็นแกนนำหลักสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทยในอนาคต…เกิดขึ้นได้จริงและเร็วขึ้นหรือไม่?
ฝีมือและคอนเน็กชั่นของ นายรักษ์พงษ์ จะเป็นบทพิสูจน์ของเรื่องนี้!.