โลกควรถอดบทเรียนจากจีนในการควบคุมโควิด -19
วิกฤตโควิด-19 ในจีนดูจะลดลง สวนทางกับประเทศอื่นๆทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น สารจากจีนสำหรับประเทศตะวันตกคือ ช้าเกินไปในการจัดการและไม่เพียงพอในการควบคุมโรคระบาด
องค์การอนามัยโลกประกาศให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ของไวรัส จากที่เคยทำให้จีนปั่นป่วนมาก่อนหน้านี้
จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวลในหลายประเทศ เช่น สเปน ซึ่งมีรายงานผู้ติดเชื้อมากกว่า 4,000 ราย และอิตาลี ซึ่งปิดประเทศไปก่อนหน้านี้ มีผู้ติดเชื้อเกิน 20,000 รายมาหลายวันแล้ว
รัฐบาลในหลายประเทศเร่งหามาตรการในการควบคุมการระบาด เนื่องจากมีความกังวลว่าจะทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกถดถอย จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกอาจแซงตัวเลขผู้ป่วยในจีนในเวลาไม่นานนี้
จนถึงตอนนี้ จีนรายงานตัวเลขผู้ป่วยทั้งหมด 80,884 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมกันอยู่ที่ 74,225 ราย จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก
จีนเปลี่ยนจากการควบควบคุมการระบาดในประเทศมาเป็นการมุ่งลดจำนวนผู้ติดเชื้อที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 15 มี.ค. กรุงปักกิ่งประกาศว่า ทุกคนที่เดินทางเข้าเมืองจากต่างประเทศต้องถูกกักตัวในสถานที่กักบริเวณที่จัดให้
กูซู อาจารย์ผู้สอนการเมืองใน ม.หนานจิงระบุว่า จีนพยายามถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้จากสิ่งที่ได้ประสบในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความเห็นนี้สอดคล้องกับที่สถานี CGTN โพสต์บน WeChat ว่า หลายประเทศไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของโรคระบาดมากเพียงพอ และโลกยังไม่ทำงานประสานกันไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
โดยระบุว่า ทีมแพทย์ของจีนเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการวินิจฉัยและการรักษาในสื่อทั่วโลก “แต่ยังไม่มีความสนใจเท่าที่ควร”
ขณะที่หลายพื้นที่ในสหรัฐฯและหลายประเทศในยุโรปปิดโรงเรียนและยกเลิกการแข่งขันกีฬา นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักรกลับชูธงส่งเสริมกลยุทธ์ herd immunity หรือภูมิคุ้มกันหมู่ โดยระบุว่า การปิดเมืองจะไม่ช่วยหยุดการระบาด แต่การทำให้ผู้ที่ได้รับเชื้อแล้ว ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง และเมื่อมีคนกลุ่มนี้มากขึ้น จะเป็นการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในหมู่ประชากรมากขึ้นเรื่อยๆ โอกาสในการแพร่เชื้อสู่คนอื่นก็จะลดลง
ขณะที่ในสวีเดน ทางการระบุว่าจะไม่มีการปิดโรงเรียน และจำกัดให้มีการตรวจไวรัสเฉพาะผู้ป่วยและผู้สูงอายุเท่านั้น
หูสีจิน บก.บริหารสื่อโกลบอลไทม์ระบุว่า เป็น “อาชญากรรม” สำหรับประเทศอย่างสวีเดนและสหราชอาณาจักรที่ยอมแพ้ในการสู้กับไวรัส “ไวรัสกำลังอาละวาดในยุโรป นี่ยังห่างไกลจากจุดจบมาก” เขากล่าว
เขายังระบุว่า กลยุทธ์ herd community จะทำให้เกิด “หลุมยักษ์” ในการควบคุมการระบาด ส่งผลกดดันให้จีนต้องย้อนกลับมาสู้กับโรคอีกครั้ง
จางเหวินฮง ผอ.ฝ่ายโรคติดเชื้อที่รพ.เซี่ยงไฮ้หัวซานระบุว่า จีนกำลังเผชิญความเสี่ยงครั้งใหญ่จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้ามาจากต่างประเทศ ทำให้การระบาดไม่มีแนวโน้มจะยุติลงในฤดูร้อนนี้
“เราเคยคิดว่าโลกจะดำเนินการควบคุมการระบาดที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับจีน อย่างเช่นที่สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ทำ แต่ยุโรปกลับกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดใหม่และนำความผันผวนครั้งใหญ่กลับมาสู่เรา ” จางระบุในบทความบนบัญชีโซเชียลมีเดียของโรงพยาบาลในวันที่ 15 มี.ค.
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลในการวิจารณ์ประเด็นนี้ โดยรมว.ต่างประเทศระบุว่า ความพยายามของจีนในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาสร้างชัยชนะให้กับโลก และควรมีการประสานความร่วมมือกันในการควบคุมโรคและพัฒนาวัคซีน
ทาริค จาซาเรวิค โฆษกองค์การอนามัยโลกระบุว่า ทุกประเทศควรประสานความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา มากกว่าที่จะกล่าวโทษกัน “ ประเทศต่างๆไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปเช่นนี้ และยอมแพ้ และพูดแค่ว่าเราไม่ทราบ และทุกคนจะติดไวรัส” เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเมื่อคืนวันที่ 14 มี.ค.