หัวเว่ยเผยโฉม ‘ฮาร์โมนี’ ระบบปฏิบัติการของตัวเอง
ฮ่องกง (ซีเอ็นเอ็นบิสซิเนส)- หัวเว่ยเปิดตัวระบบปฏิบัติการของตัวเอง เป็นอีกก้าวที่อาจช่วยป้องกันบริษัทหัวเว่ยจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นได้
หลังจากที่สหรัฐฯขึ้นรายชื่อบริษัทหัวเว่ยในบัญชีดำด้านการค้าที่ห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันขายเทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ให้ ยกเว้นว่าจะได้ใบอนุญาตอย่างถูกต้อง หลายเดือนต่อมา หัวเว่ยจึงได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า ฮาร์โมนี OS โดยการขึ้นบัญชีดำของสหรัฐฯ ยังแบนไม่ให้กูเกิลซัพพลายระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ OS ให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของหัวเว่ยอีกต่อไป
ริชาร์ด หยู ผู้บริหารบริษัทหัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสิเนส กรุ๊ป ระบุว่า ฮาร์โมนี หรือ “หงเมิ่ง” ในภาษาจีน “จะแตกต่างจากแอนดรอยด์หรือ iOS อย่างสิ้นเชิง” โดย iOS คือระบบปฏิบัติการของแอปเปิล
นายหยูระบุว่า หัวเว่ยจะเริ่มติดตั้งหรือใช้ ฮาร์โมนี ในสมาร์ทโฟน “เมื่อใดก็ได้” แต่ด้านบริษัทยังคงให้ “ความสำคัญ” กับแอนดรอยด์อยู่ในขณะนี้
นายหยูกล่าวว่า “เราจะเปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ ฮาร์โมนี เมื่อเราเลิกใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์แล้ว” โดยเขาเสริมว่า การเปลี่ยนจากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เป็นระบบของหัวเว่ยเอง “ไม่ได้ยากขนาดนั้น”
จะเริ่มนำฮาร์โมนีมาใช้ครั้งแรกบนสมาร์ทวอตช์ หรือนาฬิกาอัจฉริยะ ลำโพงอัจฉริยะ หน้าจออัจฉริยะ และอุปกรณ์อื่น ๆ โดยรวมไปถึง “ระบบภายในยานพาหนะ” อีกด้วย โดยอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการฮาร์โมนีจะสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังให้ข้อมูลว่า ฮาร์โมนีจะเป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิดอีกด้วย หัวเว่ยกลายเป็นบริษัทผู้ค้าสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก ตามหลังบริษัทซัมซุง และตลอดเวลาที่ผ่านมา หัวเว่ยได้ใช้บริการจากกูเกิลสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยรวมถึงระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และกูเกิลเพลย์ แต่หลังจากที่สหรัฐฯขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย ทำให้ทั้งสองบริษัทต้องยุติการเป็นคู่ค้าลงเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อเดือน พ.ค. ด้านบริษัทกูเกิลได้ออกมากล่าวว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่การขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย จะทำให้ทางหัวเว่ยไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่สามารถใช้ได้อย่างเป็นสาธารณะในอุปกรณ์รุ่นใหม่ได้อีกต่อไป รวมถึงจะไม่สามารถใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ และบริการของกูเกิลได้ รวมถึงจีเมล และกูเกิลแมป
ยอดขายสมาร์ทโฟนในตลาดโลกของหัวเว่ยทรุดตัวลงหลังจากที่มีเหตุการณ์ขึ้นบัญชีดำ แต่สำหรับในประเทศจีน หัวเว่ยสามารถรับมือปัญหาได้อย่างดี เนื่องกูเกิลถูกแบนในจีนอยู่ก่อนแล้ว และหัวเว่ยเองก็มีทางเลือกอื่นให้กับผู้ใช้งานอีกด้วย
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. บริษัทหัวเว่ยระบุว่า จะเริ่ม “วางรากฐาน” ของฮาร์โมนีในจีนก่อน แล้วจึง “ขยายขอบเขตไปทั่วโลก”
บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งในสหรัฐฯหวังว่าจะสามารถกลับมาขายสินค้าหรือเทคโนโลยีให้กับหัวเว่ยได้อีกครั้ง แต่ความหวังนี้อาจไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน โดยเช้าของวันที่ 9 ส.ค. ทางสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทำเนียบขาววางแผนจะเลื่อนการตัดสินใจรับรองให้บริษัทสหรัฐฯกลับมาดำเนินการขายสินค้าให้กับหัวเว่ยออกไป
สหรัฐฯอ้างว่า หัวเว่ยเป็นบริษัทที่ก่อให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัยของชาติ ด้านหัวเว่ยได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา และระบุว่าผลิตภัณฑ์ทุกอย่างของหัวเว่ยไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามหรือเสี่ยงต่อความมั่นคงของสหรัฐฯแต่อย่างใด